วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดในสถาบันการศึกษา....?

สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำท่าว่าจะแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาที่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ระบาดเข้าไปถึงทั้งระดับอนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ต่างได้รับผลกระทบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางสถาบันก็มีการสั่งปิดโรงเรียน บางสถาบันก็งดจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่ของเชื้อ บางสถาบันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษาคนหนึ่ง ท่านคิดว่าสถาบันควรจะมีบทบาทอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่ 2009 แพร่กระจายไปมากกว่าที่เป็นอยู่?

32 ความคิดเห็น:

  1. เนื่องจากปัจจุบันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย มีการแพร่กระจายไปอย่างมาก โดยจากข้อมูลทางระบาดวิทยาขณะนี้พบว่า สถานศึกษาเป็นแหล่งที่มีความเสี่ยงสูงที่โรคจะแพร่กระจายเข้าไป ทำให้เกิดการระบาดในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งสถานศึกษายังเป็นแหล่งที่จะกระจายเชื้อต่อเนื่องออกไปในชุมชน ดังนั้น สถานศึกษาและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขควรรีบเร่งเตรียมความพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดให้กับสถานศึกษาต่างๆ อาทิเช่น
    1. เฝ้าระวัง สถานศึกษาควรจะมีการจัดระบบการติดตามการขาดเรียนของนักศึกษา ควรมีการตรวจสอบสาเหตุการขาดเรียนของนักศึกษาด้วย หากพบขาดเรียนผิดปกติ (ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในห้องเรียนเดียวกัน)และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค
    2. ถ้าสามารถทำได้ สถานศึกษาควรจัดห้องพยาบาลสำหรับการแยกสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ห้องพยาบาลควรมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
    3. สถานศึกษาควรแนะนำให้นักศึกษาที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ (ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว) พักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก หากมีอาการป่วยรุนแรง (หายใจเร็ว หายใจลำบาก หอบเหนื่อยอาเจียนมาก ซึม อาการไม่ดีขึ้นหลังจากเริ่มมีอาการไข้ 3 วัน) ควรรีบไปพบแพทย์สถานศึกษาควรมีการจัดระบบการคัดกรองนักเรียน หากพบนักศึกษาที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ (ไข้ ไอเจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว) ให้สถานศึกษาแยกนักเรียน และติดต่อให้ผู้ปกครองมารับนักศึกษากลับไปพักฟื้นที่บ้าน
    4. หากสถานศึกษาสามารถให้นักศึกษาที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทุกคนหยุดเรียนได้ (ควรหยุดเรียนและพักอยู่กับบ้าน 7 วัน) ก็จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ดี และ ไม่จำเป็นต้องปิดสถานศึกษา (การปิดสถานศึกษาสามารถชะลอการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ได้ แต่ไม่สามารถยุติการระบาดได้ จะมีนักศึกษาป่วยกลับมาใหม่หลังจากสถานศึกษาเปิดกลับมาใหม่ โดยเฉพาะในห้องเรียนอื่นที่ยังไม่มีการระบาด หลังจากสถานศึกษาเปิดแล้วจะมีการระบาดใหญ่อีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้องของสถานศึกษา)

    ตอบลบ
  2. ต่อ จากความคิดเห็นที่ 1
    5. สถานศึกษาควรมีคำแนะนำ (เอกสาร โปสเตอร์ e-mail) ให้กับนักศึกษา เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมถึงการให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวกับผู้ป่วย


    6. แนะนำ และสนับสนุนให้นักศึกษาล้างมือบ่อยๆ โดยการจัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่ อย่างเพียงพอ
    7. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำละลายผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาด ให้บ่อยที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ สำหรับเมาส์ แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การเรียนอื่นๆ ที่นักศึกษาต้องใช้ในแต่ละชั่วโมงเรียนควรทำความสะอาดทุกครั้งที่มีการผลัดเปลี่ยนผู้ใช้งาน
    8. ควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง
    9. สถานศึกษาที่ยังไม่พบการระบาดควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องมีการนำนักศึกษาจำนวนมากมารวมตัวกัน (เช่น การซ้อมเชียร์ การแข่งกีฬา เป็นต้น) หรือการเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นหมู่คณะ ส่วนสถานศึกษาที่มีการระบาดแล้วควรงดกิจกรรมดังกล่าวโดยเด็ดขาด
    10. สถานศึกษาควรเตรียมมาตรการชดเชยทั้งด้านการเรียน การสอน เวลาในการเรียน และการปฏิบัติงานของทั้งนักศึกษา ครู อาจารย์ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่จำเป็นต้องหยุดพักการเรียนหรือปฏิบัติงานเนื่องจากการป่วย
    ซึ่งวิธีการหรือหลักปฏิบัติที่ได้แนะนำมานี้ อาจจะสามารถระงับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ไม่มากนัก แต่ก็เป็นแนวทางง่ายๆ ที่ทำให้ประชาชนทั่วไปได้ระวังและเตรียมตัวรับกับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดในประเทศไทยในปัจจุบันนี้

    ตอบลบ
  3. ดิฉันคิดว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันสถานศึกษาเป็นแหล่งชุมชนกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาด และนำไปสู่การแพร่กระจายเชื้อโรคออกไปสู่ชุมชนได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ครู อาจารย์ และเพื่อป้องกันการระบาดในสถานศึกษา สถานศึกษาควรให้คำแนะนำในการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1เอ็น1) ดังต่อไปนี้
    - เผยแพร่ความรู้เรื่องโรคแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองติดโรค หรือแพร่โรคไปยังคนรอบข้าง
    - แนะนำให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยเนื้อตัว เป็นต้น หยุดเรียนและพักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก (ควรให้ผู้ป่วยนอนแยกห้อง) หรือหากมีอาการป่วยมาก ควรรีบไปรับการตรวจรักษาจากแพทย์
    - ก่อนเริ่มการเรียนในแต่ละวัน ควรตรวจสอบจำนวนนักเรียน หากพบเด็กขาดเรียนมากผิดปกติ (ตั้งแต่ 3 คน ในห้องเรียนเดียวกัน) ขอให้ตรวจสอบสาเหตุ หากสงสัยว่าเด็กขาดเรียนจากอาการของไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรคได้ทันการณ์
    - สังเกตอาการ เด็กนักเรียนในห้องเรียน หากพบเด็กป่วยด้วยอาการของไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยเนื้อตัว ฯลฯ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่น ควรให้เด็กป่วยสวมหน้ากากอนามัย หรือใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าปิดปากจมูกทุกครั้งที่ไอจาม และแยกเด็กป่วยให้อยู่ห้องพยาบาล รวมทั้งติดต่อให้ผู้ปกครองพากลับบ้าน เพื่อให้การดูแลรักษาเบื้องต้นและพักผ่อนที่บ้าน แต่หากเด็กมีอาการมากควรต้องรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
    - หากมีนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ จากการศึกษา หรือหาประสบการณ์การทำงานและท่องเที่ยว ควรแนะนำให้เฝ้าติดตามอาการของตนเองอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 7 วัน โดยในระยะ 3 วันแรกควรพักอยู่ที่บ้านก่อนไปโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษา หรือเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ และขอให้สถานศึกษาพิจารณาผ่อนปรนการลงทะเบียนหรือการเข้าเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ซึ่งอาจอยู่ระหว่างการพักเฝ้าติดตามอาการอยู่ที่บ้าน หรือระหว่างได้รับการดูแลกรณีป่วยหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ
    - ควรมีการทำความสะอาดในสถานศึกษาเพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสที่อยู่ในเสมหะ น้ำลาย น้ำมูก ของผู้ป่วย และแพร่ไปยังผู้อื่น โดยผู้ป่วยไอจามรดโดยตรง หรือรับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์ แก้วน้ำ ฯลฯ โดยมือที่เปื้อนเชื้อไปขยี้ตา แคะจมูก หรือใส่เข้าปาก เชื้อจะสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือพื้นผิวได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ดังนั้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ จึงควรทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ โดยเฉพาะพื้นผิวที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกทั่วไปเช็ดทำความสะอาด อย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ภายในห้องควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

    ตอบลบ
  4. ดิฉันคิดว่าสถาบันน่าจะเล็งเห็นความสำคัญต่อไข้หวัด 2009 ที่ระบาด ณ ตอนนี้
    เพราะเป็นกระทบที่ร้ายแรงมากๆไม่ใช่เฉพาะในสถานศึกษาแต่มีผลกระทบใน
    ทุกๆแหล่ง สำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะติดเชื่อไข้หวัด2009โดยส่วนมากจะอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 10-20ปีซึ่งส่วนมากเป็นนักเรียนนักศึกษาที่ส่วนมากเดินทางมาโรงเรียนด้วยรถรับส่งนักเรียนเหมาจ่ายเป็นรายเดือนเดินทางมาโรงเีีรียนจึงเป็นสาเหตุที่นักเรียน นักศึกษาติดเชื้อกันอย่างได้ง่าย และเด็กอาจไม่มีภูมิคุ้มกันด้วยในช่วงนี้ก็ขอให้งดกิจกรรมที่ต้องนำนักเรียนมารวมกันในที่แออัดโดยเฉพาะกิจกรรมในห้องแอร์แม้แต่การเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นหมู่คณะหากเราไม่ปฏิบัติตามที่กระทรวงเค้าแจ้งเราก็อาจตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อนี้ได้

    ตอบลบ
  5. ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษาคนหนึ่ง มีความคิดเห็นว่าควรจะให้สถาบันการศึกษาร่วมมือกับสาธารณะสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดอบรมและให้ความรูเกี่ยวกับไข้หวัด 2009 เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไข้หวัด 2009 นี้ และเพื่อที่จะให้นักศึกษาทุกคนได้มีความรู้ความเข้าใจโรคที่ถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกรู้วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ โดยการติดตามข้อมูลคำแนะนำต่างๆ จากกระทรวงสาธารณสุข รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารมีประโยชน์ ผัก ผลไม้ ไข่ นม นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และฝึกนิสัยไม่ใช้มือแคะจมูก ขยี้ตา หรือจับต้องใบหน้า ถ้าจำเป็นควรใช้กระดาษทิชชูจะปลอดภัยกว่า ดูแลตนเองหรือคนในครอบครัวที่ป่วยได้ และป้องกันไม่แพร่เชื้อให้คนรอบข้าง โดยการหยุดเรียน หยุดงาน ปิดปากจมูกเวลาไอจามด้วยกระดาษทิชชู สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น และหมั่นล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด และลดผลกระทบด้านต่างๆ ได้มากที่สุด

    ตอบลบ
  6. สำหรับดิฉัน คิดว่า การป้องกันที่ดีควรเริ่มจากตัวเราก่อน ก่อนที่เราจะไปป่าวประกาศให้คนอื่นป้องกันแต่เรากับไม่ทำอะไรเลย การป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของดิฉันก็เหมือนกับการป้องกันไข้หวัดทั่วไป 1. โดยการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อที่จะสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่สามารถต่อสู้กับไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายของเรา
    2. ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปรุงอาหารให้สุก สะอาด
    3. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีผู้คนผลุผล่านเนื่องจากเราไม่อาจทราบได้ว่าบุคคลใดที่เป็นผู้ป่วย
    4. ควรล้างมือบ่อย ๆ
    5. ควรใส่ผ้าปิดจมูก
    สำหรับในสถานศึกษา ดิฉันคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรจะมีการป้องกันโดยการปิดสถานศึกษา แต่ยังมีการเรียนการสอนผ่านทางอินเตอร์เน็ตแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากผู้อื่น

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ20 กรกฎาคม 2552 เวลา 07:42

    การลดการกระจายเชื่อไข้หวัดใหญ่ 2009 เเก่คนอื่นๆทั่วไปนั้นคือการที่มาช่วยกันเพิ่มวิสัยในการปฎบัติตน
    นั้นคือ
    1.การใช้ฝ้าปิดปาอนามัยเพื่อป้องกันน้ำลายเเละสิ่งเเปลกปลอมทุอย่าง
    2.ควรล้างมือบ่อยๆ
    3.ห้องสารธารณะประโยชน์ควรมีการทำความสะอาดบ่อยมากขึ้น
    4.ห้องสาธารณะประโยชน์ควรที่จะมีการบริการเจลเเอลกอฮอล์ให้เพียงพอต่อการ
    5.มหาวิทยาลัยควรที่จะรณรงค์ให้นักึกษาออกกำลังกายเพื่อ วิ่งสู้หวัด
    .เวลาล้างมือควรจะร้องเพลงช้างซัก 2 รอบเพื่อความสะอาดครับ
    6.คนที่ป่วยควรที่จะดูเเลสุขภาพตัวเองเเละพบเเพทย์เเละพักฟื่นที่หอพักเพื่อลดการติดต่อเเก่เพื่อนๆ
    ************************************

    กรกฎาคม 20, 2009 7:38 ก่อนเที่ยง

    การยืนยันคำ

    ตอบลบ
  8. จากเหตุการณ์วิกฤตไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำให้คนทั่วโลกติดเชื้อเป็นจำนวนมาก มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในทั่วโลก ดังนั้นเราต้องรู้จักป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยผมเชื่อว่าเราจะต้องมีวิธีที่จะต้องป้องกันเพื่อไม่ให้ตนเองติดเชื้อดังนี้
    1. ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
    2. ต้องล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่นประมาณ 20 ครั้งต่อวัน
    3. ต้องปิดจมูกทุกครั้งที่ไปในสถานที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก หรือหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม
    4. ตื่นเต้นและเฝ้าระวังตลอดเวลา หากรู้สึกผิดปกติเช่นมีอาการไข้หรือเป็นหวัด ให้ไปพบแพทย์ทันที
    5. ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงทำให้เกิดภูมิต้านทานเชื้อไวรัส
    6. อย่าใช้ของส่วนตัว เช่นผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น

    ส่วนสถานศึกษาถ้ามีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ผมก็ขอเสนอให้ปิดสถานศึกษา เพื่อจะได้ไม่เกิดอัตราเสี่ยงในการติดเชื้อ และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนแทน โดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนแทน ครับ

    ตอบลบ
  9. ในฐานะที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดิฉันคิดว่าสถาบันไม่ควรหยุดเรียนเพราะว่าจะทำให้การแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัด 2009 แพร่กระจายเพิ่มได้อีก เพราะว่าถ้าสถาศึกษาหยุดเรียนนักศึกษาก็จะพากันกลับบ้าน และสามารถนำเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปแพร่กระจายสู่บุคคลอื่นได้และควรให้คำแนะนำแก่นักศึกษา ดังนี้
    1. กินอาหารที่สะอาด
    2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    3. สวมหน้ากากอนามัย
    4. ล้างมือด้วยเจลล้างมือ
    ถ้านักศึกษาทุกคนทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่องก็จะแก้สถานการณ์ไข้หวัด 2009 ได้

    ตอบลบ
  10. จากการแพร่เชื้อไข้หวัดไหญ่ 2009 ที่เกิดขึ้น คงวรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่อากาศไม่มีการถ่ายเท หรือมีผู้คนอยู่อย่างแออัดทั้งผู้ที่ป่วยและยังไม่ได้รับเชื้อ ควรล้างมือให้สะอาดหลังจากการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่มีการใช้ร่วมกัน เช่นลูกบิดประตู การใช้ผ้าปิดจมูกเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากๆ เพื่อป้องกันและลดภาวะการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009

    ตอบลบ
  11. ครับสำหรับสถานะการณ์ไข้หวัดที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทั้งประเทศรวมทั้งกำลังแพร่ระบาดไปทั่วในมหาวิทยาลัยรวมถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วย สำหรับวิธีการป้องกันนั้นมีอยู่หลายวิธี เช่น ล้างมือให้สะอาดก่อนกิน การใช้ผ้าปิดจมูกในที่สาธารณะชุมชน เพื่อป้องกันตัวเอง และรวมถึงป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค และอีกวิธีหนึ่งก็คือ การรักษาความสะอาดในที่อยู่อาศัย ห้องเรียน และภายในมหาวิทยาลัยให้มีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ในเมื่อถ้าเกิดว่าเราไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ เราก็ควรหันมาป้องกันตัวเองดีกว่า จะได้ปลอดภัยที่สุด และที่สำคัญดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัด และไม่สามารถที่จะแพร่กระจายไปสู่คนอื่นอีกเป็นอันขาด

    ตอบลบ
  12. จากสถานการณ์ในตอนนี้ถือได้ว่าเข้าขั้นรุนแรง เพราะเนื่องจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้มีบุคคล นักศึกษามากจากหลายๆที่ หลังจากที่ได้มีการปิดเรียนที่ผ่านมา นักศึกษาแม่โจ้ได้มีติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 กันมากถึง 80 คน ทำให้ต่างคนก็หวาดระแวงในการไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้กันมากถึงขั้นนำไปเป็นหัวข้อในที่ประชุมว่าจะให้ปิดสถานศึกษา ส่งผลกระทบกับแม่ค้าทั้งภายในและภายนอกอย่างมากกับกิจการต่างๆ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ การป้องกันอย่างถูกวิธี กับการรับมือการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล ในตอนนี้ที่เราทำได้ก็คิอ การรักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ห่างไกลไข้หวัดใหญ่ 2009 นี้ไปได้ระยะหนึ่ง ถ้ามีอาการ ไอ จามมีไข้หวัด ควรจะพบแพทย์โดยด่วนไม่ใช่นิ่งเฉยไปวันๆนะคะ จะทำให้ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้ด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  13. ดิฉันคิดว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันไข้หวัด2009มาระบาดทั้งในและต่างประเทศแต่ในขณะนี้ระบาดมาถึงสถานศึกษาแล้วดิฉันคิดว่าควรมีวิธีในการรักษา

    1. แนะนำให้นักศึกษาที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

    2. ตรวจสอบจำนวนนักศึกษาที่ขาดเรียนในแต่ละวัน หากพบขาดเรียนผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในห้องเรียนเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค

    3. แนะนำให้นักศึกษาที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน

    4. หากสถานศึกษาสามารถให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทุกคนหยุดเรียนได้ ก็จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ดี และไม่จำเป็นต้องปิดสถานศึกษา แต่หากจะพิจารณาปิดสถานศึกษา ควรหารือร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

    5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 - 2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

    ตอบลบ
  14. จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต และการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ทั้งในประเทศไทยและก็ต่างประเทศ ดิฉันจึงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่ 2009 แพร่กระจายไปมากกว่านี้ คือ

    1.หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกฮอล์ทำความสะอาดมือ เป็นต้น เช่น ก่อนการรับประทานอาหาร หลังการรับประทานอาหาร หลังจากการเข้าห้องน้ำ และการสัมผัสสิ่งของซ้ำๆ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น
    2.ไม่ควรใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
    3.ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด
    4.รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    5.ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกสบาย เช่น สถานบันเทิง ตลาดนัด หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าก็ตาม
    ดังนั้นสถาบันการศึกษาไม่ควรที่จะปิดมหาวิทยาลัย เพราะอาจทำให้เกิดข่าวในทางที่ไม่ดีขึ้นเกี่ยวกับสถาบันได้ แต่ดิฉันคิดว่าสถาบันควรเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งในเรื่องนี้เพื่อช่วยกันรณรงค์ไม่ให้ไข้หวัด 2009 แพร่กระจายออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ด้วยหลักการต่างๆ ดังนี้
    - สถาบันควรมีการตรวจสอบจำนวนนักเรียนในห้องที่ขาดเรียนในแต่ละวันเพื่อหาสาเหตุว่านักเรียนคนนั้นอาจจะเป็นไข้หวัดหรือไม่ ถ้ามีก็ให้คำแนะนำว่าให้รักษาตัวที่บ้านหรือหอพักให้หายดีก่อนแล้วค่อยมาเรียน แต่ถ้าหากมีอาการป่วยที่รุนแรง ควรจะรีบไปพบแพทย์ให้ด่วนที่สุด
    - ควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ สื่อการสอน หรือเครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน เก้าอี้ ราวบันได คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
    - ควรมีน้ำและสบู่ในห้องน้ำให้นักศึกษาใช้ทำความสะอาดมืออย่างเพียงพอ หรือในบางวันควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง และให้นักศึกษาสวมหน้ากากอนามัยด้วย เป็นต้น
    วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อไข้หวัด 2009 แพร่กระจายออกไปอีก ก็สามารถทำได้ตามขั้นตอนที่ดิฉันได้อธิบายไว้ และที่สำคัญ ( กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือบ่อยๆ ) ถือว่าเป็นวิธีที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ค่ะ

    ตอบลบ
  15. ดิฉันคิดว่าสถาบันการศึกษาควรจะป้องกันโดยสังเกตุนักษา
    และรณรงค์ให้นักศึกษาใส่หน้ากากอนามัย รักษาความสะอาดของร่างกาย
    และทางสถาบันควรฉีดยาฆ่าเชื้อเพื่อระงับการแพร่เชื้อ
    แต่อย่างไรก็ดีมันขึ้นอยู่กับการรักษาความสะอาดของนักศึกษาเอง
    เมื่อรักสูขภาพก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อร่างกายที่เข็งแรงปลอดจากโรค

    ตอบลบ
  16. สถาบันควรมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับไข้หวัด และพร้อมกับการรณรงค์ป้องกันให้นักศึกษารักษาสุขภาพของตนเอง ให้นักศึกษาสวมหน้ากากอนามัยและพร้อมแจกจ่ายหน้ากากในสถานศึกษา และขอความร่วมมือให้นักศึกษามีอาการคล้ายกับติดหวัดให้งดมาเรียนเพื่อเป็นการป้องตัวเองและลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

    ตอบลบ
  17. มีการควบคุมในเรือ่งของสุขลักษณะอนามัยให้ดี
    และ้ต้องควรมีการใส่ใจในเรือ่งนี้มากขึ้น
    สำหรับคนเปนหวัดก็ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันในการแพร่เชื้อโรค
    แล้วควรมีการควบคุมมาตรการเกี่ยวกับการป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้
    และ มีการฉีดวัคซีนให้ทุกคน แล้ว ทุกคนเองก็ต้องมีความรู้จักป้องกันภัยจากไข้หวัดใหญ่นี้ด้วยตนเอง ต่างคนต่างต้องช่วยกันไม่ปล่อยเชื้อ และไม่แพร่เชื้อ
    ปิดผ้าปิดปากเวลาออกจากบ้าน หรืออยู่ในที่แออัด ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหาร และล้างให้สะอาด

    ตอบลบ
  18. สถาบันควรที่จะมีบทบาทเพื่อป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่2009แพร่กระจาย คือคิดว่าการปิดสถาบันการศึกษาช่วยป้องกันไข้หวัดใหญ่2009ได้ไม่ถึง100%เต็มหรือเต็มที่เพราะอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายแต่อาจจะช่วยได้ไม่มากนักส่วนนักเรียน นักศึกษา ที่ติดเชื้อควรให้หยุดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหรือที่บ้านมากกว่า เนื่องจากการปิดสถาบันการศึกษาไม่ใช่ว่านักเรียน นักศึกษา จะไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้านและอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เหตุนี้ทุกคนควรที่จะดูแลเอาใจใส่รักษาความสะอาดตัวเองดีกว่า รู้จักวิธีป้องกันตัวเองมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หรือสมุนไพรต้านไข้หวัดใหญ่2009และใช้ผ้าปิดจมูกให้มิดชิดจะดีกว่าที่จะมาคอยระมัดระวังกลัวที่จะติดไข้หวัดใหญ่2009และทางสถาบันควรที่จะตรวจสอบ สังเกตดูนักเรียน นักศึกษาให้ดีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
    ดังนั้นการปิดสถาบันช่วยป้องกันไข้หวัดใหญ่2009ได้ไม่เต็มที่มากนัก นักเรียน นักศึกษา ควรที่จะดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีและรู้จักวิธีป้องกันตัวเองจะเป็นผลดีต่อ นักเรียน นักศึกษาเองและทางสถาบันการศึกษาควรให้คำแนะนำที่ดีต่อนักเรียน นักศึกษา ถึงวิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่2009และทางสถาบันควรที่จะมีการพ่นยาฆ่าเชื้อทุกๆเดือนและมีเจลล้างมือทุกๆห้องเรียน

    ตอบลบ
  19. ในฐานะที่ดิฉัน เป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่เรียนอยู่ในมหาลัย ณ. เวลานี้ ดิฉันมีความคิดเห็นว่า สถาบันการศึกษาทุกที่ ควรมีมาตรการในการป้องกันการระบาด เช่น อาจจะปลูกฝั่ง ให้นักเรียนนัก ศึกษาดูแลตัวเอง มีเจลล้างมือ แจกให้นักเรียนทั่วถึง และมีการทำความสะอาดโรงเรียนทุกวัน ศุกร์ - เสาร์ -อาทิตย์ และรณรงค์ ให้นักเรียน นักศึกษาออกกำลังกายทุกเย็น เพื่อสู้กับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ไม่ควรจะปิดเรียนเป็นเวลานาน เพราะ เกรงว่าจะเรียนไม่ทัน อาจส่งผลให้ เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไป นักเรียนจะต้องมาเรียนเพิ่ม วันเสาร์อาทิตย์ ทำให้เด็กบางส่วนที่ ใช้เวลาเสาร์ -อาทิตย์ ไปกับการเรียนพิเศษ ซึ่งตรงนั้นมันจะทำให้เด็กสับสน และเรียนหนักเพิ่มขึ้น
    แต่ยังไงก็ขอฝากกับทุก ๆคนด้วยนะค่ะว่า " กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" เพื่อต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กันทุกคนนะค่ะ ^^~

    ตอบลบ
  20. จากความคิดเห็นของดิฉัน ดิฉันคิดว่าการที่ทางสถานศึกษาบางแห่งนั้นได้ทำการประกาศปิดสถาบันการศึกษาของตนเองเพื่อให้นักเรียน นักศึกษาของตนได้พักอยู่กับบ้านหรือที่หอพัก ของตนเอง ไม่ให้ออกไปนอกบ้านหรือนอกหอพักของตนเอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 นั้น ดิฉันคิดว่าก็สามารถป้องกันเชื้อได้แค่เป็นบางส่วนเท่านั้น เพราะเด็กนักเรียน นักศึกษาของท่านบางส่วนก็ไม่ได้พักอยู่กับบ้านหรือหอพักจริงอย่างที่ท่านได้คิดเอาไว้ เพราะมีเด็กบางส่วนที่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจึงได้ออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้าน หรือนอกหอพักของตนเอง จะมีแค่บางส่วนที่หยุดอยู่กับบ้านหรือหอพักจริงจริงอย่างที่คิด จึงทำให้นักเรียน นักศึกษาบางส่วนที่ออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านนั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009ได้ หรือบางทีเด็กของท่านไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ข้างนอกจริงแต่ก็ยังมีบุคคลอื่น เช่น บุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นที่อาศัยอยู่ด้วยออกไปทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านแล้วกับมาบ้านหรือที่หอพักที่เด็กของท่านอาศัยอยู่ด้วย และไม่รู้ว่าบุคคลเหล่านี้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 กับมาด้วยหรือไม่ ถ้าได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 กับมาด้วยก็ทำให้เด็กของท่านเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009ได้ และเชื้อไข้หวัดใหญ่2009สามารถติดกับบุคคลอื่นที่อยู่ใกล้ได้ง่ายด้วย
    ดังนั้นเราทุกคนต้องป้องเชื้อไข้หวัดใหญ่2009ด้วยตัวเราเอง เพราะการที่ทางสถานศึกษาบางแห่งได้ปิดสถานศึกษาเพื่อป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 นั้น ป้องกันได้แค่บางส่วนเท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะให้เชื้อไข้หวัดใหญ่2009 หยุดแพร่ระบาดได้ในขณะนี้

    ตอบลบ
  21. ในฐานะที่ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาดิฉันคิดว่าทางสถาบันการศึกษาควรป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่ 2009 แพร่กระจายดังนี้
    1. ให้ทางสถาบันการศึกษาประการให้นักศึกษาทุกคนใช้ผ้าหน้ากากปากและจมูกเวลาเข้าเรียน
    2. ล้างและทำความสะอาด ห้องเรียน ห้องน้ำ ราวบันได ที่มีนักศึกษาใช้เป็นประจำ
    3. ประกาศให้นักศึกษาที่มีอาการป่วย มีไข้ และเป็นหวัด เข้ารับการตรวจรักษา
    4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ
    5. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด
    6. ไม่ให้นักศึกษาใช้หลอดดูดน้ำ แก้วน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น
    7. หลีกเลี่ยงการเรียนในห้องเรียนที่แออัดไม่มีอากาศถ่ายเท
    8. ปิดปากเวลา ไอ จาม ทุกครั้ง
    9. ทำความอุปกรณ์การเรียนทุกครั้งหลังจากการใช้งาน
    10. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายอยากสม่ำเสมอ

    ตอบลบ
  22. จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ในเรื่องปัญหาไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ ดิฉันมีความเห็นว่าวิธีการป้องกันที่ดีต้องเริ่มจากตัวเราก่อน ด้วยวิธีการป้องกันง่ายๆคือ
    1.กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
    2.สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้าน
    3.หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีคนหมู่มาก
    4.งดใช้ห้องน้ำหรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ร่วมกับคนหมู่มาก
    5.หมั่นออกกำลังกายทุกครั้งเพื่อสร้างภูมิต้านทาน
    6.กินอาหารที่มีสารอาหารและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
    7.ควรทานอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปที่ถูกลักษณะ เช่นอาหารที่สุก เป็นต้น
    8.หากมีอาการที่เป็นไข้หวัดควรไปตรวจเลือดและปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันเบื้องต้นหากติดเชื้อโรคจริงๆจะได้รักษาได้ทันเวลา

    ฯลฯ และเพื่อปลอดภัยที่สุดจริงๆ คือควรฟังข่าวสารที่ประชาสัมพันธ์ตลอดเวลาเพื่อทราบถึงความเป็นไปว่ามีวัคซีนป้องกันหรือวิธีป้องกันที่ทางการแพทย์คิดค้นได้แล้วไปใช้บริการทันที

    ตอบลบ
  23. จากกระแสโลกไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นจากที่คิดว่าจะไม่ระบาดมากขนาดนี้เพราะเมืองไทยถือว่าได้รับข่าวจากต่างประเทศมาก่อนจะต้องมีการเตรียมการป้องกันไว้ แต่ที่สุดการแพร่ระบาดในเมืองไทยก็มีมากขึ้นไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จากการคาดการไว้และสิ่งที่จะช่วยให้ก็คือ การที่เราทุกคนจะต้องร่วมมือกันช่วยกันป้องกันด้วยตัวเองโดยปฏิบัติตามคำแนะนำและดูแลตัวเองสม่ำเสมอ เช่น
    1.ปฏิบัติตามการรณรงค์ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
    2.ดูแลตัวเองไม่ไปตามแหล่งชุมชนแออัดหรือแหล่งเพาะเชื้อโรคต่าง ๆ
    3.เมื่อมีอาการเจ็บป่วยก็รีบพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการและปฏิบัติตามขั้นตอนของแพทย์สั่ง
    4.ใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค
    ดังกล่าวมานี้ก็เป็นวิธีที่ป้องกันจากการติดเชื้อขั้นต้นที่ควรปฏิบัติและเมื่อเราได้รับข่าวสารควรใช้วิจารณญาณไม่ควรตื่นตกใจกับข่าวเพราะจะทำให้เครียดและเกิดความระแวงได้

    ตอบลบ
  24. เนื่องจากดิฉันเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ดิฉันคิดว่าทางมหาวิทยาลัยควรจะประกาศทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยให้ใช้หน้ากากอนามัยเมื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคเมื่อเรียนร่วมกันเพราะบางทีเราอาจจะไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคหรือไม่ ทางมหาวิทยาลัยควรให้สาธารณสุขมาล้างสถาบันให้บ่อยขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ให้ทางโรงพยาบาลมาตรวจนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยเพื่อความปลอดภัยของนักศึกษาเองด้วยและแยกผู้ป่วยออกจากหอเพื่อป้องกันผู้อื่นมิให้ติดเชื้อด้วย และที่สำคัญควรบอกให้นักศึกษาทุกคนควรรักษาสุขภาพและสวมใส่หน้ากากทุกครั้งเมื่อไปในที่ที่มีผู้คนพุกพ่าน หรือที่สาธารณะ โดยการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ให้สะอาดด้วย

    ตอบลบ
  25. ดิฉันคิดว่า สถานศึกษาเป็นแหล่งชุมชนกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาด และนำไปสู่การแพร่กระจายเชื้อโรคออกไปสู่ชุมชนได้ ดังนั้น เพื่อความาปลอดภัยของนักเรียน ครู อาจารย์ และเพื่อป้องกันการระบาดในสถานศึกษา ควรมีการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่2009 ดังต่อไปนี้

    1.ให้คำแนะนำทั่วไปสำหรับสถานศึกษา
    - เผยแพร่ความรู้เรื่องโรคแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองติดโรค หรือแพร่โรคไปยังคนอื่น
    - แนะนำให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยเนื้อตัว หยุดเรียนและพักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก ถ้าหากมีอาการป่วยมาก ควรรีบไปรับการตรวจรักษาจากแพทย์
    - ก่อนเริ่มการเรียนในแต่ละวัน ครู อาจารย์ หรือเพื่อนในห้องควรตรวจสอบจำนวนนักเรียน หากพบขาดเรียนมากผิดปกติ (ตั้งแต่ 3 คน ในห้องเรียนเดียวกัน) หรือสงสัยว่าขาดเรียนจากอาการของไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน
    - สังเกตอาการ นักศึกษา นักเรียน ในห้องเรียน หากพบว่ามีคนป่วยด้วยอาการของไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยเนื้อตัว ฯลฯ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่น ควรให้เผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัย
    - หากมีนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ กลับจากบ้านต่างจังหวัดหรือกลับจากการท่องเที่ยว ควรเฝ้าติดตามอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด

    2.ให้คำแนะนำกรณีปิดสถานศึกษา
    ในการพิจารณาปิดสถานศึกษาเพื่อการชะลอการแพร่ระบาดของโรค ควรดุลยพินิจร่วมกันระหว่างผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งเครือข่ายผู้ปกครอง และพิจารณาสถานการณ์ให้ถี่ถ้วน

    3. การทำความสะอาดในสถานศึกษา
    สิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์ แก้วน้ำ ฯลฯ โดยมือที่เปื้อนเชื้อไปขยี้ตา แคะจมูก หรือใส่เข้าปาก ดังนั้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ จึงควรทำความสะอาด โดยเฉพาะพื้นที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได ฯลฯ

    4.ให้คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

    - ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรศึกษาวิธีการรักษา การปฏิบัติตนระหว่างป่วย อย่างดี และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

    5.ให้คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองหรือผู้ใกล้ชิด
    - ควรติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
    - แนะนำสุขอนามัยให้แก่คนในครอบครัว เช่น รักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ การใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร
    - หมั่นพูดคุยกันในครอบครัว เกี่ยวกับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน

    6. ให้แหล่งข้อมูลติดต่อเพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ และชัดเจน

    ตอบลบ
  26. ดิฉันคิดว่าสถานศึกษาควรให้คำแนะนำแก่นักศึกษา เพื่อป้องกันไข้หวัด2009 ดังนี้
    1.สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้าน
    2.ประกาศให้นักศึกษาที่มีอาการป่วย มีไข้ และเป็นหวัด เข้ารับการตรวจรักษา
    3.กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
    4.ปิดปากเวลา ไอ จาม ทุกครั้ง
    5.หมั่นออกกำลังกายทุกครั้งเพื่อสร้างภูมิต้านทาน
    6.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ
    7.ดูแลตัวเองไม่ไปตามแหล่งชุมชนแออัดหรือแหล่งเพาะเชื้อโรคต่าง ๆ

    ตอบลบ
  27. การป้องกันไม่ให้เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดไปมากกว่านี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่อยู่ในสถานศึกษา การที่ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 นี้ได้ หรือการทำความสะอาดสถานศึกษามิให้เชื้อแพร่กระจายหมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือหากพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ควรจัดบริเวณให้ผู้ติดเชื้ออยู่เพื่อดูอาการและทำการรักษาต่อไป

    ตอบลบ
  28. จากการแพร่เชื้อไข้หวัดไหญ่ 2009 ที่เกิดขึ้น คงวรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่อากาศไม่มีการถ่ายเท หรือมีผู้คนอยู่อย่างแออัดทั้งผู้ที่ป่วยและยังไม่ได้รับเชื้อ ควรล้างมือให้สะอาดหลังจากการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่มีการใช้ร่วมกัน เช่นลูกบิดประตู การใช้ผ้าปิดจมูกเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากๆ เพื่อป้องกันและลดภาวะการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009
    ข้อควรปฎิบัติ
    1.ปฏิบัติตามการรณรงค์ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
    2.ดูแลตัวเองไม่ไปตามแหล่งชุมชนแออัดหรือแหล่งเพาะเชื้อโรคต่าง ๆ
    3.เมื่อมีอาการเจ็บป่วยก็รีบพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการและปฏิบัติตามขั้นตอนของแพทย์สั่ง
    4.ใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค

    ตอบลบ
  29. ในฐานะที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดิฉันคิดว่าสถาบันไม่ควรหยุดเรียนเพราะว่าจะทำให้การแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัด 2009 แพร่กระจายเพิ่มได้อีก เพราะว่าถ้าสถาศึกษาหยุดเรียนนักศึกษาก็จะพากันกลับบ้าน และสามารถนำเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปแพร่กระจายสู่บุคคลอื่นได้และควรให้คำแนะนำแก่นักศึกษา ดังนี้
    1. กินอาหารที่สะอาด
    2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    3. สวมหน้ากากอนามัย
    4. ล้างมือด้วยเจลล้างมือ

    ตอบลบ
  30. จากสถานการณืไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลกระทบต่ายประเทศไทยหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว แม้แต่สถาบันการศึกษายังได้รับผลกระทบตามไปด้วย จึงทำให้สถาบันหลาย ๆ สถาบันต้องปิดการเรียนการสอนไปด้วย ซึ่งก็นับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันไข้หวัด 2009 ได้บ้าง เพราะการอยู่ในที่ที่ผู้คนจำนวนมากจะทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และดิฉันคิดว่าถ้าหากปิดการเรียนการสอนแล้วแต่ก็น่าจะมีวิธีการสอนแบบใหม่ ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตโดยนักเรียน นักศึกษาไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่โรงเรียนก็สามารถเรียนที่บ้านได้ ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดี

    ตอบลบ
  31. สำหรับไข้หวัดใหญ่สายใหม่ ที่กำลังระบาดให้สถาบันสถานศึกษา ควรมีการป้องกันการระบาดดังนี้
    1. แนะนำให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์
    2. ตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่ขาดเรียนในแต่ละวัน หากพบขาดเรียนผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในห้องเรียนเดียวกันและสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค
    3. แนะนำให้นักเรียนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน
    4. หากสถานศึกษาสามารถให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทุกคนหยุดเรียนได้ ก็จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ดี และไม่จำเป็นต้องปิดสถานศึกษา แต่หากจะพิจารณาปิดสถานศึกษา ควรหารือร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
    5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 - 2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

    ตอบลบ
  32. การดูรักษาตนเองไม่ให้แพร่เชื้อทำได้ดังนี้คือ
    เมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองมีอาการป่วยคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือพบผู้อื่นที่มีอาการมีไข้ขึ้น
    สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก ไอ และจาม ให้สันษิฐานว่าอาจได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัด
    ใหญ่ซึ่งอาจเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เก่าหรือสายพันธ์ใหม่ ซึ่งเราควรมีวิธีการดูแลและป้องกันตนเอง และผู้อื่น ด้วยหลัก 5 พ. ดังนี้
    1. พักเรียน – พักงาน : เมื่อเรารู้สึกตัว หรือพบว่ามีคนที่มีอาการไข้ขึ้นสูง ไอ จาม มีน้ำมูก และปวดศีรษะ ควรหยุดเรียน และลางานทันที เพื่อควบคุมวงจรการแพร่ระบาดของเชื้อไม่ให้แพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น จนกว่าจะพักฟื้นหายเป็นปกติ
    2. พบแพทย์ : หากมีประวัติการเดินทางกลับจากต่างประเทศควรไปพบทันทีที่มีอาการป่วย เพื่อดำเนินการรักษาอย่างถูกต้องตามอาการ เพื่อฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงดังเดิม ในกรณีที่ไม่ได้เดินทางอาจดูแลรักษาตัวเอง โดยปกติอาการจะดีขึ้นใน ๓ วัน หากไม่ทุเลาให้ไปปรึกษาแพทย์
    3. ใส่หน้ากาก : การใช้หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปยังคนอื่น จะเป็นแบบกระดาษใช้แล้วทิ้งหรือแบบผ้าที่เอามาซักแล้วใช้ได้ใหม่ก็ได้ ซึ่งสามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่มีการติดต่อผ่านมาทางละอองจมูก น้ำลาย เสมหะ การไอและการจาม
    4. เพิ่มมารยาทการไอ-จาม: หากมีการไอ-จาม อย่าใช้มือป้องปาก เพราะเชื้อจะติดอยู่ที่มือ และง่ายต่อการแพร่เชื้อ เมื่อมีการจับสิ่งของหรือแตะต้องตัวผู้อื่น แต่ให้ทุกคนพกผ้าเช็ดหน้าติดตัว เมื่อมีอาการไอ-จามทุกครั้งให้นำผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันละอองเชื้อไม่ให้กระจายไปสู่ผู้อื่น โดยหากไม่มีผ้าเช็ดหน้า ให้ใช้กระดาษษทิชชู่ หรือไอใส่แขนเสื้อท่อนบนของตัวเองแทน เชื้อไวรัสจะไม่กระจายไปที่อื่น นับเป็นการตัดวงจรการแพร่เชื้อได้ในระดับหนึ่ง

    ตอบลบ