วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กระแสดัดฟัน..เพื่อสุขภาพ หรือ เพื่อความสวยงาม?

เตือนวัยรุ่น อย่ามั่วดัดฟัน เสี่ยงถึงตาย

หลังกระแสดัดฟันแฟชั่นระบาดไปทั่วในกลุ่มวัยรุ่นไทย ทำให้วัยรุ่นนิยมไปซื้อเหล็กดัดฟันปลอมที่ทำจากลูกปัดสีต่างๆ มาใส่ฟันเป็นจำนวนมากนั้น ล่าสุด นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จาก การตรวจสอบลวดดัดฟันแฟชั่นที่จำหน่ายในราคาถูกไม่เกินหลักร้อย และหาซื้อได้ตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของ ฯลฯ เสี่ยงอันตรายมาก เพราะขณะนี้พบว่า มีวัยรุ่นนิยมซื้อลวดสเตนเลสที่ใช้ร้อยดอกไม้ไปเป็นลวดดัดฟัน

ทั้งนี้ พบว่ามีสารปนเปื้อนหลายชนิด เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม สารหนู และอื่นๆ ซึ่งสารเหล่านี้หากสะสมในร่างกายปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลต่อไต ทำให้ไตวายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

"ลวดดัดฟันจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไปที่ต้องขออนุญาตนำเข้าจาก อย.และมีมาตรฐานตามที่กำหนด แต่ลวดดัดฟันแฟชั่นที่ขายตามตลาดนัดนั้นไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ วัสดุก็ไม่ได้มาตรฐาน วิธีการที่ผู้ซื้อลวดดัดฟันแฟชั่นใช้นั้น พบว่ามีการนำลวดมาวางไว้บนฟัน แล้วสอดปลายลวดเข้าไปในซอกฟันเพื่อเกี่ยวไม่ให้ลวดหลุดออกมา

นอกจากนี้ ภายในช่องปากมี น้ำลาย ซึ่งมีความเป็นกรด – ด่าง โดยจะทำปฏิกิริยากับสีที่เคลือบลูกปัด ทำให้สารที่เคลือบอยู่นั้นละลายออกมาและสะสมในร่างกาย อีกทั้งลวดที่ใช้ก็อาจจะเกี่ยวกับ กระพุ้งแก้ม เหงือก หรืออวัยวะในช่องปาก หากเป็นลวดที่ไม่ผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อ หรือไม่สะอาด ก็จะทำให้เกิดแผลติดเชื้อได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการจัดหรือดัดฟัน ต้องปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล หรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน" นายชวรัตน์ กล่าว

ที่มา : http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=175918&eid=41

กระแสการปาหิน..ท่านเห็นด้วยกับความคิดข้างล่างนี้หรือไม่?

ปาหินใส่รถ เพราะความคึกคะนอง ทำไปตามกระแส ถ้างั้นสื่อหยุดเสนอข่าวได้ไหม จะได้ไม่เป็นกระแส

เวลาจับได้ก็บอกทำไปเพราะความคึกคะนอง
โห้ไอ้น้องเลย ชีวิตทั้งชีวิต
มาเสียไปเพราะความคึกคะนองของพวกเอ็ง
ทำไปเพราะกระแส ถ้างั้นสื่อไม่ต้องเสนอข่าวพวกนี้ได้ไหม
จะได้ไม่เป็นกระแสให้พวกนี้มันทำตาม

ที่มา : http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8157254/A8157254.html

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรียน "การตลาด" แล้ว เอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?

ในฐานะที่ท่านเรียนสาขาวิชา "การตลาด" นับถึงวันนี้ก็ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ท่านได้นำเอาความรู้ทางด้านการตลาด ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของท่านอย่างไรบ้าง?

อาหารสดบนห้าง ต่างจากอาหารสดจากตลาดสดอย่างไร?

การซื้ออาหารสดตามห้างต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารสดที่ซื้อตามตลาดสดทั่วไปแล้ว ท่านคิดว่ามีความเหมือนหรือต่างกันในด้านใดบ้าง?

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ถ้า 12122012 เป็นวันโลกแตกตามคำทำนาย ท่านจะทำอะไรก่อนโลกแตก?

ก่อนที่ทุกคนจะอ่านกระทู้นี้ ขอให้ทุกคนลืมเรื่องโลกร้อน หรือเรื่องน้ำท่วมโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า หรือเรื่องยุคน้ำแข็งครั้งที่ 2 ที่ต่อจากน้ำท่วมโลก หรือเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลก หรือเรื่องการเมือง หรือเรื่องละครน้ำเน่า หรือละครเกาหลี ไปเลย แล้วลองมาอ่านกระทู้นี้ดู

ข้อความที่ท่านได้อ่านต่อไปนี้ สามารถเชื่อถือได้ แต่อาจจะไม่ 100 %
ซึ่งผมได้รวบรวมมาจาก Google และทฤษฎีต่างๆที่อ้างอิงได้จริง

หลายท่านอาจเคยทราบเรื่องราวนี้มาแล้ว.
ผมแน่ใจว่าอีกหลายๆท่านยังไม่เคยจะได้ยินได้ฟังเรื่อ งนี้มาก่อน.
ก่อนอื่นผมขอถามท่านผู้อ่านว่า ถ้าหากเราทราบว่าวันสุดท้ายของเรามาถึงเราจะทำอะไรใน วันเวลาที่เหลืออยู่....

หลายวันมานี้ผมเข้าไปอ่านเรื่อง 2012 The end of the earth.....ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้
http://www.youtube.com/watch?v=OW6jtcl0xkU

อ่านและชมไปหลายลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง จับใจความพอคร่าวได้ว่า...
ขณะดาวที่ชื่อว่า Planet X NIBIRU ที่มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลกเราจะตัดผ่านมาใกล้โลก อีกครั้ง ดาวดวงนี้จะผ่านมาที่วงโคจรของเราทุกๆ3600 ปี

นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทวีปแอตแลนติกหายไป นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องโนฮากับเรื อสมัยน้ำท่วมโลก

ดาวดวงนี้จะเข้ามาใกล้โลกเรื่อยๆปี 2009 จะสามารถมองเห็นทางขั้วโลกใต้ด้วยกล้องส่องดาว

ปี 2011 จะสามารถมองเห้นด้วยตาเปล่า ขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา ดาวดวงนี้เป็นสีแดง

ปี 2012 จะเริ่มมีปฏิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินในอวกาศที่มากับดาวนิบิรุจะตกลงมาบนพื่นโลก เป็นฝนดาวตกอันตรายต่อมวลชีวิตทั้งโลก

วันที่ 21 ธันวาคม 2012 หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดิน อย่างใครไม่เคยคาดคิดมาก่อน

วัน14 กุมภาพันธ์ 2013 วันนั้นเป็นวันที่ โลก +นิบิรุ+ดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่แนวแกนเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนไป

โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยง น้ำทะเลจะเป็นคลื่นมหาอภิสึนามิ ถล่มตามเมืองชายทะเลทุกแห่ง เมื่อแผ่นดินเคลื่อนตัวตามเปลือกโลก ลาวาก็จะถลักขึ้นมาเกิดเป็นภูเขาไฟมากมาย

ที่เคยอยู่ใต้ท้องน้ำก็จะโผล่มาอยู่เหนือน้ำ ที่เคยเป็นยอดเขาอาจจะยุบตัวลงไปเบื้องล่าง

แน่นอนผู้คนหลายล้านชีวิตต้องจบลง บ้านเมืองถล่มทลายไม่เหลือหลอ
เราจะไปหลบภัยที่ไหนได้?.........
เหตุการณ์ที่เลวร้ายเกินกว่าเราจะสามารถบรรยายถึงได้ จะเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2014 ดาวนิบิรุก็เริ่มเคลื่อนตัวห่างจากโลกเราไปเรื่อยๆ

โลกเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ......ถึงเวลานั้นจะเหลือผู้ รอดชีวิตสักกี่คน?
ปี 2014 เป็นจุดเริ่มต้นของมนุษชาติอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องนี้จะเป็นจริง จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อีกไม่นานเกินรอ ไม่เกินสามปีดาวที่มีชื่อว่า นิบิรุ NIBIRU ก็จะโผล่มาให้เห็นแล้ว

ถ้ามันโผล่มาให้เห็นจริง เริ่มที่ขั้วโลกใต้ แสดงว่าคำทำนายของนักดาราศาตร์นั้นเป็นจริง....เข้าแ ล้ว

แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั้นก็เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายาอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------

ความเชื่อเรื่องโลกแตกมีอยู่หลายแนวความคิด จากหลายๆนักคิดหรือคนบางกลุ่มโดยอาจจะมีเรื่องศาสนาเ ข้ามาเกี่ยวข้อง เราคงเคยคุ้นกับความเชื่อเรื่องโลกแตกมาหลายอย่าง เช่น คำทำนายนอสตราดามุส หรือเหตุการณ์ช่วงปี1999 ( y2k) แต่ครั้งนี้ขอนำเสนออีกแนวความคิดที่มีนักวิชาการและ คนหลายกลุ่มให้ความสนใจและศึกษานั่นก็คือdoomsday 2012

วันสุดท้ายของปฏิทินชาวมายันคือ 21 ธันวาคม 2012

ชาวมายันเชื่อว่าวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นวันเกิดใหม่ เป็นการเริ่มต้นของ the World of the Fifth Sun เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ ดวงอาทิตย์เดินทางผ่านเส้น equator ของ Galaxy และโลกจะปรับทิศทางให้เข้ากับศูนย์กลางของ Galaxy ดวงอาทิตย์จะขึ้นเชื่อมกับการทับกันของทางช้างเผือกก ับระนาบของ Ecliptic บนท้องฟ้าจะปรากฏดาวเคราะห์ และดวงดาวต่างๆมากมาย ปรากฏการณ์ของจักรวาลครั้งนี้ถือว่าเป็น The Sacred Tree, The Tree of Lifeการที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Galaxy

ในปี 2012 จะเปิดช่องทางหนึ่งสำหรับพลังงานจักรภพที่จะไหลผ่านโ ลก ล้างโลกให้สะอาด รวมทั้งล้างสิ่งที่อาศัยอยู่ ยกทั้งหมดสู่ภาวะที่สูงขึ้น สรุปคือโลกแตกดับเพื่อการเกิดใหม่นั่นเอง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนให้ความสนใจถึงปีสุดท้ายของโลกโด ยอ้างถึงศาสตร์แขนงต่างๆ

อย่างทางด้านวิทยาศาสตร์มองว่าในปี 2012 จะเกิดเหตุการณ์ที่ชื่อว่า แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว หรือ Pole Shift เป็นกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแ หน่งกัน

เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น, ที่จุดหนึ่งของเวลา สนามแม่เหล็กโลกจะลดลงเกือบจะถึงศูนย์เกาซ์ โลกที่จุดนั้นของเวลามีคุณสมบัติของแม่เหล็กเป็นศูนย ์ สิ่งนี้บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกัน กับการหมุนรอบพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ในทุกๆ สิบเอ็ดปีพอดีซึ่งอาจจะก่อให้เกิด

- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ ่อนอย่างมาก
- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
- สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล ้โลกได้ง่ายขึ้น
-แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ส่วนทางด้านโหราศาสตร์ก็มองว่า ช่วงปีนี้จะเป็นปีที่จะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์ เอาเป็นว่าจะจริงหรือไม่ใครสนใจสามารถหาข้อมูลได้เพิ ่มเติมที่ google : search คำว่า 2012 หรือ doomsday ก็ได้

การทำนายนั้นอยู่คู่กับสังคมของเรามานาน โดยเฉพาะการทำนายธรรมชาติ เช่นการดูสีของท้องฟ้า ก้อนเมฆ สายลม ดวงดาว แม้กระทั่งการมองเห็นด้วยจิต ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและธรรมชาติได้ เหมือนที่เคยฮือฮากันไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อนาย กอร์ดอน (Gordon-Michael Scalion) ชาวอเมริกันที่เคยเสียชีวิตเมื่อปี 1979 แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ้างว่า ได้รับพรสวรรค์ที่หยั่งรู้อนาคต เขามักจะเดินทางไปอยู่บนพื้นที่สูงๆ บนภูเขา แล้วมองลงมาเห็นภาพในอนาคต โดยเฉพาะภาพของเมืองที่เปลี่ยนไป และโลกที่จะเกิดขึ้นมาใหม่

คนที่เชื่อถือนายกอร์ดอนนั้นมีไม่น้อย เพราะได้เคยฝากผลงานการทำนายที่แม่นยำเอาไว้ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอส แองเจอริส เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2535, เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนียเมื่อ มกราคม 2537 รวมอีกหลายเหตุการณ์ที่เขาทายไว้แล้วก็ถูกเผง

แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ก็เห็นจะเป็นการทำนายเมื่อปี พ.ศ.2521 ซึ่งเขาเห็นตัวเองลอยอยู่เหนืออวกาศ แล้วมองลงมาบนโลก ด้วยภาพแผนที่โลกใหม่ เขาจึงใช้เวลาอยู่ 4 ปี ที่จะร่างแผนที่โลกอนาคตที่เห็นคนเดียวนั้นออกมาสู่ส ายตาชาวโลก พร้อมทั้งให้คำอธิบายไว้ว่า โลกที่แปรเปลี่ยนไปนี้จะเกิดจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ทำให้ทวีปของโลกเคลื่อนไปหมด และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 หรือ พ.ศ.2541-2555 นั่นเอง

แผนที่โลกใบใหม่ โดย Gordon-Michael Scalion ทำเสร็จเมื่อปี 2525

ความเชื่อนี้สอดคล้องกับคำทำนายของอีกหลายคน เช่น นาย ฮูเซลีนโย่ (Juseleeno ) ชาวบราซิล ที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้าด้วยตานิมิต สิ่งที่เขาเห็นแบบเดียวกับกอร์ดอนเห็นก็คือ โลกจะพังพินาศด้วยภัยธรรมชาตินานัปการ เป็นต้นว่า ในปี 2551 นี้ ญี่ปุ่นจะเกิดแผ่นดินไหว รวมถึงจีน มีการเสียชีวิตนับล้านคน และจะเกิดการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในอเมริกา ปี 2553 ทวีปแอฟริกาจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก และปี 2554 จะเกิดโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ฆ่ามนุษย์ วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2557 ดาวเคราะห์ขนาดเล็กจะชนกับโลก จนถึงปี 2558 มนุษย์จะตายเพราะทนความร้อนไม่ได้

สำหรับ “อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า” ผู้ซึ่งอ้างว่าเคยได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้โด่งด ังนั้น ก็อ้างว่าเขามีโทรจิตที่เห็นภาพอนาคตจากการบอกเล่าขอ งมนุษย์ต่างดาว ว่าในปี ค.ศ.2012 นั้น จะมีแสงสว่างมากที่สุดในกาแลกซี่และสะท้อนไปยังดาวเค ราะห์ที่โคจรรอบตัว สิ่งมีชีวิตและโลกจะปั่นป่วนอย่างยิ่ง

ด้วยความเชื่อเหล่านี้ บวกกับความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ จึงมีผู้คาดการณ์วันอันน่าระทึกเอาไว้ที่วันที่ 21 เดือน ธันวาคม ค.ศ.2012 นั้นเป็นวันเริ่มต้นกระบวนการดับสูญของโลก หรือ “Doomsday -21/12/12” โดยคาดการณ์ว่าเป็นวันที่พระอาทิตย์จะเดินทางมาอยู่ย ังศูนย์กลางของกาแลกซี่ ทำให้โลกดวงเล็กๆ ของเราคลอนโยกเยกและปลิวไปมา กระทั่งอาจจะต้องดับสูญลงไป โดยขณะนี้มีผู้จำลองเหตุการณ์ของ Doomsday แบบมัลติมีเดียไว้ในเวบไซต์ของ YouTube มากกว่า 20 ชุด เช่นวิดีโอด้านล่างนี้ ถูกบรรจุโดยผู้ใช้ชื่อว่า AfroDude เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายนของปีนี้

มีผู้อธิบายปรากฏการณ์นี้ในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า เกิดจากการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้คอมพิวเตอร์ Hyderabad คำนวณการแลกเปลี่ยนพลังงานที่ขั้วทิศเหนือและขั้วทิศ ใต้สลับตำแหน่งกัน ว่ามีคุณสมบัติแม่เหล็กพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ทุก ๆ 11 ปี และจะก่อพลังงานสูงสุดได้ในปี 2012 อย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเมื่อหลายล้านปีก่อน

อย่างไรก็ดี มีผู้ออกความเห็นมากมายที่ยังเชื่อว่า ปี 2012 อาจไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะเห็นโฉมหน้าของโลกใหม่ เรากลับมาที่แผนที่โลกของนายกอร์ดอนอีกครั้ง ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ (Future Map Of The World) ได้ระบุเหตุการณ์ไว้มากมาย สรุปที่สำคัญๆ ได้เป็นต้นว่า

ออสเตรเลียจะเสียแผ่นดินไป 25% จากน้ำท่วม, นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะแผ่นดินเก่าและใหม่จะเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน นิวซีแลนด์ห่างไกลจากทะเลมาก แอฟริกาจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างกว่าเดิมมาก ทะเลแดงจะกว้างออกทำให้ "โคโร" จมหายไปในทะเล เช่นเดียวกับเกาะมาดากัสการ์

จะมีแผ่นดินเกิดใหม่ในทะเลอาหรับ ทะเลสาปวิคอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบยาซาไหลสู่มหาสมุ ทรอินเดีย ส่วนอเมริกาใต้จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ลุ่มน้ำอะเมซอนจะกลายเป็นทะเลปิดแบบเดียวกับทะเลสาปส งขลา ในแมกซิโกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ยาวนาน 25 ศตวรรษ ส่วนยุโรปตอนเหนือจะจมลงทะเล เหลือแค่เกาะเล็กๆ รัสเซียจะแยกจากยุโรป เกิดทะเลใหญ่ยาวมาก ฝรั่งเศสจะจมน้ำเหลือแต่กรุงปารีส ทางน้ำใหม่จะแยกสวิสเซอร์แลนด์ออกจากฝรั่งเศส และอิตาลี เวนิส เนเปิ้ล รวมถึงโรมจะจมน้ำหายไปในทะเล ฯลฯ

แผนที่โลกใบใหม่ในส่วนเอเชีย และส่วนขยายประเทศไทย

มาดูฝั่งเอเชียของเรากันบ้าง แผนที่ใหม่นี้ได้บอกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำให้เก ิดน้ำท่วมตั้งแต่ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่งซึ่งอยู่ระหว่างอะลาสก้ากับรัสเซีย เกาะญี่ปุ่นจึงจะจมหายไปหมด เหลือไว้แค่ 2-3 เกาะเท่านั้น ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ และไต้หวันกับเกาหลี ก็จะหายจมไปในทะเล ดังนั้น แนวฝั่งของจีนก็จะร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล ์ทีเดียว อินโดนีเซียจะถูกทำลาย เช่นเดียวกับฟิลิปินส์ เอเชียจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากเพราะตั้งอยู่บน 3 ทวีป ส่วนไทยนั้นอยู่บนแผ่นทวีปของ ยูเรเซี่ยน ซึ่งจะเกิดการยกตัวให้สูงขึ้น แผ่นแปซิฟิกจะเคลื่อนไป 9 องศา ดังนั้น บางส่วนจะมุดตัวลง บางส่วนจะยกตัวขึ้น

ผลสรุปการทำนายก็คือ ประเทศไทยจะยังเหลืออยู่บางส่วนตามภาพที่ขยายออกมา ซึ่งคงได้ยินกันมาอยู่บ้างว่า ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุดคือภาคเหนือ ส่วนอีสานบางส่วน และภาคใต้จะจมลงไปในทะเลพร้อมกับมาเลเซีย สิงคโปรและอินโดนีเซีย ส่วนชายฝั่งทะเลจะมาอยู่ที่ชัยภูมิ เพรชบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัยและตาก และแม่น้ำโขงจะกลายจากแม่น้ำเป็นทะเล

เดือนตุลาคม ค.ศ. 2000 ชาวคอร์กิโนหลายคน เห็นดวงแสงลึกลับ ลอยวูบลงสู่พื้นดิน แล้วพุ่งกลับขึ้นไปในอากาศ ทิ้งรอยไหม้จนหินละลาย ซึ่งต่อมาหินละลายดังกล่าว ได้รับการตรวจสอบจากนักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเพนซ ิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ที่ลงความเห็นว่าหินได้รับความร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากแสงลึกลับแล้ว ที่นี่ยังมีชายผู้หนึ่งซึ่งอ้างว่าเขาสามารถติดต่อกั บมนุษย์ต่างดาวได้มานานแล้ว ล่าสุดเมื่อปี 2002 เขาก็อ้างว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังยางนอกโลกถึง 3 วัน ซึ่งงานนี้เขาไม่ได้อ้างลอยๆ นะ เขามีพยานหลักฐานอันน่าทึ่ง และยังไม่อาจพิสูจน์ค้านได้ว่าเป็นการทำปลอม หรือกุเรื่องขึ้นเสียด้วย

ชายผู้มีประสบการณ์พิเศษคนนี้ ชื่อ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า เขาอ้างว่าเขาเคยติดต่อ กับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้ง มนุษย์ต่างดาวของ โอลิเวียร่า ไม่ใช่ทอล ดาร์ค แอนด์ แฮนซัม แต่เป็นทอล บลอนด์ ผิวขาวร่างสูง ผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าจาง โดยมีแก้วตาสีเหลืองอ่อนวางตามตัวตามแนวตั้งเหมือนตา แมว ฟังดูไม่น่าเกลียดเหมือนตัวอีทีโอลิเวียล่า บอกเราว่ามนุษย์ต่างดาวใช้สิ่งที่เรียกว่าแสงพลาสม่า เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับเขาทางโทรจิต

เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2002 คืนนั้น

โอลิเวียร่า หายตัวไปจากห้องนอน ทิ้งไว้แต่รอยไหม้รูปร่างคนนอนบนผู้ปูเตียงและบนฝ้าเ พดาน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน อีก 3 วันต่อมมจู่ๆ เขาก็กลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น และเขาอ้างตลอดว่า เวลาที่เขาหายไปนั้นเขาถูกนำตัวไปยังยานต่างดาว

โอลิเวียร่า บอกว่าเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเขาได้รับการติดต่อ ทางโทรจิตผ่านแสงพลาสม่า ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมานำตัวเขาไปในคืนดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุการณ์จะมีสัญญาณนำมาให้รู้ โดยจะเกิดฝนก้อนหินตกลงมา

ค่ำวันที่ 15 กันยายน 2002 เวลาประมาณ 19.13 น. เพื่อนบ้านใกล้เคียงของ โอลิเวียร่า ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียงอะไร ร่วงกรูกราวอยู่บนหลังคา เมื่อออกมาดูพบว่าเป็นก้อนหินกลมๆ ก้อนเล็ก ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า หลายคนช่วยเก็บก้อนหิน บางคนก็ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย

เขาเล่าว่า ในขณะที่เขานอนอ่านหนังสืออยู่ยนเตียงสักครู่ก็มีแสง สีม่วงสว่างไปทั้งห้อง แสงนั้นรวมตัวเข้าเหมือนฟองสบู่ ร่างของเขาลอยทะลุเพดาน รู้สึกเหมือนกระดูถูกยืดออก แต่ไม่มีความเจ็บปวด ครั้งลอยพ้นผ่านหลังคาบ้านไป ลำแสงสีม่วงก็พลิกร่างเขาให้ยืนขึ้น เมื่อไปถึงยานต่างดาว ( ซึ่งเขาไมได้บอกว่ามันเป็นอย่างไร ) เขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในฟองอากาศ ใบใหญ่ ซึ่งมีผิวบางใส คล้ายๆ ว่าข้างในคงจะคล้ายๆ ห้องฆ่าเชื้อ ปรับพลังงานให้สมดุลย์อะไรทำนองนั้น จากนั้นมนุษย์ต่างดาวผมบลอนด์ร่างสูง ก็พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของยาน ซึ่งเป็นห้องกว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมนุษย์ต่างดาวให้เขาดูจอภาพ อันเป็นภาพเกี่ยวกับโลก ระบบสุริยะ และกาแล็คซี่ของเรา มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ( พ.ศ. 2555 ) จะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแล็คซี่จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมาก ดวงอาทิตย์ทุกดวงในแกแล็คซี่ จะสะท้องแสงนั้นไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ ทั่วหน้ากัน โลกของเราจะปั่นป่วน ด้วยพายุสุริยะทั้งแสงอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น

คำทำนายของมนุษย์ต่างดาว ที่ว่าจะเกิดอาเพศขึ้นทั่วทั้งจักรวาลในวันนั้นจะเป็ นจริงหรือไม่ น่าแปลกที่ว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2012 นั้นเป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายาอีกด้วย

อีกไม่กี่สิบปีเราคงจะได้เห็นปรากฎการณ์นั้น ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบาง

ทั้งหมดนี้ ที่ฟังมานี้ ต่างต้องล้วนใช้วิจารณญาณ แต่ถ้าเป็นจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ .......

สำหรับในบ้านเรา คุณหมอประสาน ต่างใจ เคยพูดเอาไว้ในงานเสวนา “พุทธศาสตร์กับอนาคตโลก” ถึงการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขา จำนวน 19 ร้อยล้านตันว่าจะใช้เวลาอีกราว 5-7 ปี ซึ่งละลายหมดในปี ค.ศ.2012 เช่นเดียวกันกับปฏิทิน 22 ของชาวเผ่ามายา ได้ทำปฏิทินเอาไว้ที่ 5,000 ปี โดยแต่ละเดือนจะมี 20 วัน โดยเชื่อว่า โลกในวันสุดท้ายคือ 22 ธันวาคม ค.ศ.2012 พระเจ้าของพวกเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งนั่นเอง

อ่านจบแล้วอย่าลืมว่า นี่เป็นคำทำนายเท่านั้น ยังไม่มีใครรับรองได้ว่าจะเกิดได้จริงดั่งภาพนิมิตจา กนักทำนายเหล่านี้ ในวันที่ 21/12/2012 หรือไม่ มีแต่อนาคตเท่านั้นที่จะบอกได้ค่ะ : -)



ข้อมูลอ้างอิง

http://matrixinstitute.com/store/FUT...p-1-c-271.html

http://www.bibliotecapleyades.net/pr...ecia_mapas.htm

http://eclipse.gsfc.nasa.gov/SEmono/TSE2009/TSE2009.htm

www.starbridge.com.au

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=247742

http://www.youtube.com/v/nUI-LgZ2vlc&hl

http://www.youtube.com/v/nUI-LgZ2vlc&hl

http://www.indiadaily.com/editorial/1753.asp

การเมืองในมุมมองของนักศึกษา

สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของประเทศไทย เป็นอย่างไรนั้น คิดว่านักศึกษาทุกคนคงได้ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี อยากทราบว่าในมุมมองของท่านในฐานะนักศึกษา ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้?

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

งานสำหรับ Sec 1 และ Sec 2 วันพฤหัสบดี

ภายในรัศมี 5 กิโลเมตร จาก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ท่านคิดว่าธุรกิจอะไรมีแนวโน้มทำแล้วประสบผลสำเร็จมากที่สุด? โดยจะต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

1. การวิเคราะห์ SWOT เพื่อหาธุรกิจที่จะทำ
2. ระบุทำเลและที่ตั้งให้ชัดเจนภายใต้สถานการณ์จริง พร้อมเหตุผลประกอบ
3. วิเคราะห์ STP
4. เสนอกลยุทธ์ 4P พร้อมให้เหตุผลประกอบ

ส่งทาง E-mail : jamnian54@gmail.com
โดย Sec 1 ให้ save file ว่า maejosec 1 กลุ่ม... (ส่งภายใน 12.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 20 ส.ค. 2552)
ส่วน Sec 2 ให้ save file ว่า maejosec 2 กลุ่ม... (ส่งภายใน 17.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 20 ส.ค. 2552)

ข้อสำคัญมากๆ : งานครั้งนี้เป็นการบูรณาการหลายกลยุทธหลายวิชาของการตลาด เพราะฉะนั้นคะแนนจะมากกว่างานทุกครั้งที่ผ่านมา

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

งานสำหรับ Sec 2 (เวลา 13.00 - 17.00) เท่านั้น

ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอกลยุทธ์ 4P ของ Cowboy Market โดยแต่ละกลยุทธ์ที่เสนอจะต้องอ้างอิงผลงานวิจัยที่ Sec ของท่านได้ศึกษามา + ผลงานวิจัยข้างล่างนี้ด้วย พิมพ์ส่งทาง E-Mail (Save File ชื่อ Cowboy กลุ่มที่ Sec 2) ภายในวันนี้ (13 ส.ค. 2552) ไม่เกินเวลา 16.00 น.

ผลงานวิจัย : พฤติกรรมของผู้ซื้อสินค้าที่ Cowboy Market

ข้อมลส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม
จากการที่ได้ศึกษาผู้กรอกแบบสอบถามจำนวน 450 คน คิดเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
1.เพศ
เพศหญิง จำนวน 290 คน ร้อยละ 64.4
เพศชาย จำนวน 160 คน ร้อยละ 35.6

2.อายุ
อายุ ต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 231 คน ร้อยละ 51.3
อายุ 21 – 30 ปีจำนวน 188 คน ร้อยละ 41.8
อายุ 31 – 40 ปี จำนวน 22 คน ร้อยละ 4.9
อายุ 41 – 50 ปี จำนวน 6 คน ร้อยละ 1.3
อายุ 51 ปี ขึ้นไป จำนวน 3 คน ร้อยละ 0.7

3.การศึกษา
ระดับการศึกษาประถมศึกษาจำนวน 4 คน ร้อยละ 0.9
มัธยมศึกษา/ป.ว.ช จำนวน 34 คน ร้อยละ 7.6
อนุปริญญา/ป.ว.ส.จำนวน 19 คน ร้อยละ 4.2
ปริญญาตรีจำนวน 384 คน ร้อยละ 85.3
สูงกว่าปริญญาตรีจำนวน 9 คน ร้อยละ 2

4.อาชีพ
อาชีพของผู้มาซื้อสินค้า เจ้าของกิจการ จำนวน 4 คน ร้อยละ 0.9
ผู้จัดการหรือผู้บริหาร จำนวน 2 ค น ร้อยละ 0.4
ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 9 คน ร้อยละ 2
พนักงานบริษัท จำนวน 23 คน ร้อยละ 5.1
นักเรียน/นักศึกษา จำนวน 403 คน ร้อยละ 89.6
อื่นๆ จำนวน 9 คน ร้อยละ 2

5.รายได้เฉลี่ยต่อเดือน
มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า5000บาท จำนวน 269 คน ร้อยละ 59.8
ต่ำกว่า 5001-10000 บาท จำนวน163 คน ร้อยละ 36.2
ต่ำกว่า 10001-20000บาท จำนวน 14 คนร้อยละ 3.1
20001บาทขึ้นไป จำนวน 4 คน ร้อยละ 0.9

ข้อมูลส่วนที่2 พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้กรอกแบบสอบถาม
1.ท่านซื้อสินค้าที่ cowboy market ประเภทใดมากที่สุด
อาหาร/เครื่องดื่ม จำนวน 285 คน ร้อยละ 63.33
เสื้อผ้า/เครื่องแต่งกาย จำนวน 130 คน ร้อยละ 28.89
สินค้ากิ๊ฟช้อป/ของตกแต่งห้อง จำนวน 30 คน ร้อยละ 6.67
อื่นๆ จำนวน 5 คน ร้อยละ 1.11

2.เหตุผลที่ท่านตัดสินใจซื้อสินค้าที่cowboy market
ราคาเหมาะสม จำนวน 132 คน ร้อยละ 29.33
ใกล้ที่พัก จำนวน 140 คน ร้อยละ 31.12
สะดวก หาที่ซื้อง่าย จำนวน 132 คน ร้อยละ 29.33
คุณภาพของสินค้าอละสินค้ามีความหลากหลาย จำนวน 40 คน ร้อยละ 8.89
อื่นๆ จำนวน 6 คน ร้อยละ 1.33

3.ใครเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ตนเอง จำนวน 251 คน ร้อยละ 55.8
เพื่อน จำนวน 166 คน ร้อยละ 36.8
คู่สมรส จำนวน 4 คน ร้อยละ 0.8
ร่วมกันตัดสินใจ จำนวน 28 คน ร้อยละ 6.2
อื่นๆ จำนวน 2 คน ร้อยละ 0.4

4.ความถี่ในการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง
ทุกสัปดาห์ จำนวน 223 คน ร้อยละ 49.56
2-3 สัปดาห์ จำนวน 111 คน ร้อยละ 24.67
ทุก 1เดือน จำนวน 73 คน ร้อยละ 16.21
ทุก 1-2เดือน จำนวน 22 คน ร้อยละ 4.89
3เดือนขึ้นไป จำนวน 21 คน ร้อยละ 4.67

5.ค่าใช้จ่ายในการซื้อเฉลี่ย / ครั้ง
ต่ำกว่า 1000บาท จำนวน 136 คน ร้อยละ 30.22
101-200บาท จำนวน 211 คน ร้อยละ 46.89
201-300บาท จำนวน 43 คน ร้อยละ 9.56
301-5000บาท จำนวน 45 คน ร้อยละ 10
501 ขึ้นไป จำนวน 15 คน ร้อยละ 3.33

6.คุณมักจะซื้อสินค้าประเภทเดียวกันจากที่ไหน
ตลาดวโรวส จำนวน 64 คน ร้อยละ 14.22
ตาดนัดสันทราย จำนวน 47 คน ร้อยละ 10.44
ตลาดนัดหน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 122 คน ร้อยละ 27.11
ตลาดนัดรมโชค จำนวน 147 คน ร้อยละ 32.67
ตลาดรินคำ จำนวน 49 คน ร้อยละ 10.89
อื่นๆ จำนวน 21 คน ร้อยละ 4.67

7.สินค้าที่คุณซื้อไปเป็นผู้ใช้เองหรือไม่
ใช่ จำนวน 394 คน ร้อยละ 87.56
ไม่ใช่ จำนวน 56 คน ร้อยละ 12.44

8.คุณเดินทางมาซื้อสินค้าที่coeboy market อย่างไร
เดิน จำนวน 133 คน ร้อยละ 29.55
จักรยาน จำนวน 31 คน ร้อยละ 6.89
จักรยานยนต์ จำนวน 273 คน ร้อยละ 60.67
รถยนต์ จำนวน 13 คน ร้อยละ 2.89

ข้อเสนอแนะ
- ดีพอใช้สะดวกในการซื้อ
- ไม่เคยมาเลย
- สินค้ามีราคาแพง
- พื้นที่แคบของน้อย ควรเพิ่มพื้นที่เยอะๆ
- สินค้าเยอะ แออัด
- ไม่มีที่จอดรถ
- ฝนตกน้ำขังพื้น
- สินค้าควรมีหลากหลายมากขึ้น
_ ทางเดินน้อยเกินไป

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

งานเฉพาะกลุ่มเรียนวันอังคาร Sec 4 เวลา 13.00-17.00 น.

ให้ทำดังนี้

1.ให้ทุกกลุ่มช่วยกันสรุปผลการวิจัยของทั้งห้อง(งานห้อง) พิมพ์ส่งทาง E-Mail (Save File ชื่อ Cowboy Sec 4)ภายในวันนี้ (11 ส.ค. 2552) ไม่เกินเวลา 15.00 น.

2.ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอกลยุทธ์ 4P ของ Cowboy Market โดยแต่ละกลยุทธ์ที่เสนอจะต้องอ้างอิงผลงานวิจัยข้อ 1 ประกอบด้วย (งานกลุ่ม) พิมพ์ส่งทาง E-Mail (Save File ชื่อ Cowboy กลุ่มที่ Sec 4) ภายในวันนี้ (11 ส.ค. 2552) ไม่เกินเวลา 18.00 น.

12 สิงหาคม วันแม่ปีนี้ ท่านบอกรักแม่ด้วยวิธีไหน?

หลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึก หลากหลายวิธีการ สำหรับการบอกคำว่า "รัก" ให้กับคนคนคนหนึ่งที่เราเรียกว่า "แม่"

แล้วท่านหล่ะบอกรักแม่ด้วยวิธีไหน

งานเฉพาะกลุ่มเรียนวันอังคาร Sec 3 เวลา 09.00-12.00 น.

ให้แต่ละกลุ่ม ใช้ข้อมูลผลการวิจัยที่ได้ศึกษามา รวมทั้งผลการวิจัยของ Sec 4 ตามข้างล่างนี้ จัดทำกลยุทธ์ของ Cowboy Market ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

ผลวิจัยของ Sec 4 : การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้บริการตลาดคาวบอยมาร์เก็ต

ข้อมลส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้กรอกแบบสอบถาม
จากการที่ได้ศึกษาผู้กรอกแบบสอบถาม มีเพศหญิง จำนวนร้อยละ 68 เพศชายจำนวนร้อยละ 32 โดยมีระดับการศึกษาแยกเป็นระดับอุดมศึกษา ร้อยละ 78 จบการศึกษา ร้อยละ 14 และ อยู่ในระดับมัธยมปลาย ร้อยละ 8 โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ นักศึกษา ร้อยละ 82 อาชีพ อื่นๆ ร้อยละ 12 รับราชการ ร้อยละ 4 และธุรกิจ ส่วนตัว ร้อยละ 2ซึ่งมีรายได้อยู่ระหว่าง น้อยกว่า 3000 บาท คิดเป็นร้อยละ 40 รายได้ระหว่าง 3000-5000 บาท คิดเป็นร้อยละ 28 รายได้ระหว่าง 5001-10000 บาท คิดเป็นร้อยละ 18 รายได้อื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 10 และ มากกว่า 10000 บาท คิดเป็นร้อยละ 4

ข้อมูลส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับประชากร เกี่ยวกับการใช้บริการตลาดคาวบอยมาร์เก็ต
- จากการสอบถามส่วนใหญ่รู้จักตลาดคาวบอยมาร์เก็ต จากที่เพื่อนแนะนำ คิดเป็นร้อยละ 74
จากแหล่งอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 12 หนังสือพิมพ์แม่โจ้ คันทรีนิวส์ คิดเป็นร้อยละ 10 และจากวิทยุ FM 95.50 คิดแป็นร้อยละ 2 และเวปไซต์ คิดเป็นร้อยละ 2
- ความถี่ในการมาใช้บริการตลาดนักคาวบอยมาร์เก็ต ต่อเดือน จำนวน 1-2 ครั้งต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 44 จำนวน 3-4 ครั้งต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 40 จำนวน 5-6 ครั้งต่อเดือน คิดเป็นร้อย
ละ 8 และจำนวน 7-8 ครั้งต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 8
-สินค้าและบริการที่ผู้บริโภค เลือกใช้บริการ
สินค้าประเภทอาหาร คิดเป็นร้อยละ 94 สินค้าประเภท เสื้อผ้า คิดเป็นร้อยละ 4 และสินค้าประเภท เครื่องประดับคิดเป็นร้อยละ 2 ในส่วนของบริการ ใช้บริการในการซื้อตั๋ว คิดเป็นร้อยละ 62 ใช้บริการส่วนของการเช่าหนังสือ คิดเป็นร้อยละ 32 และใช้บริการส่วนอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 4 และใช้บริการนวด ฝ่าเท้า คิดเป็นร้อยละ 2
-เวลาที่ผู้บริโภคมาซื้อสินค้าและบริการตลาดนัดคาวบอยมาร์เก็ตมาใช้บริการในเวลา 17.01-19.00 น คิดเป็นร้อยละ 78 มาใช้บริการในเวลา 19.01-21.00 น คิดเป็นร้อยละ 20 และเวลา 15.00-17.00 น คิดเป็นร้อยละ 2
-ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการในแต่ละครั้งค่าใช้จ่ายจำนวน 101-300 บาท คิดเป็นร้อยละ 64 ค่าใช้จ่ายจำนวน น้อยกว่า 100 บาท คิดเป็นร้อยละ 30 ค่าใช้จ่ายจำนวนมากกว่า 500 บาท คิดเป็นร้อยละ 4 ไม่มีค่าใช้จ่าย คิดเป็นร้อยละ 2
-ช่องทางในการเดินทางมาซื้อสินค้า และ บริการ ที่ตลดนัดคาวบอยมาร์เก็ต เดินทางโดย รถจักยานยนต์ คิดเป็นร้อยละ 60 โดยการเดิน คิดเป็นร้อยล 26 โดยรถจักยาน คิดเป็นร้อยละ 10 และรถยนต์ คิดเป็นร้อยละ

ข้อมูลส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะ
จากการที่ผู้บริโภคให้ข้อเสนอแนะมาต้องการให้มีการประชาสัมพันธ์เพิ่มขิ้นในวันจันทร์ และขยายเนื้อที่ในการขายให้กว้างพร้อมกับปรับปรุงทางสัญจรให้สะดวกมากขึ้น และมีการจัดการจราจรให้เป็นระเบียบมีที่จดรถที่เพียงพอ

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อยากให้นักศึกษาทุกคนได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง อยากให้รู้จัก เธอคนนี้เป็นใคร...?












เธอคนนั้นไง.. ใครคือคนนั้น? รู้หรือยังครับ? อย่าลืมรักท่านให้มากๆนะครับ ไม่มีใครรักเราเท่ากับแม่ของเราอีกแล้ว
จะถึงวันแม่อยู่แล้ว อย่าลืมทำอะไรให้แม่บ้างนะครับ บอกรักท่านบ้างก็ยังดี อย่าบอกรักแต่แฟน
ใคร จะน่ารัก กว่านี้ คงไม่มีอีกแล้วในโลก

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ถึงเวลา..หันมาดูแลช้างไทยกันอย่างจริงจังหรือยัง?

รถควํ่าทรมาน 2ด.หมดลมหายใจแล้ว

“พังกำไล” ช้างวัยสาวที่ประสบอุบัติเหตุเจ็บหนัก จนเป็นข่าวใหญ่ มีผู้ยื่นมือช่วยเหลือจำนวนมาก แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นมากนัก สิ้นลมล้มลง ขณะทีมแพทย์กำลังช่วยทำความสะอาดบาดแผล เกิดอาการชัก ดิ้น สำรอกอาหาร หัวใจหยุดเต้น แม้จะพยายามปั๊มหัวใจช่วย แต่ร่างกายไม่อำนวย ตายลงท่ามกลางบรรยายกาศสุดเศร้า ควาญขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยมาตลอด

จากกรณีช้าง “พังกำไล” อายุ 10 ปี 6 เดือน ประสบอุบัติเหตุรถที่ใช้บรรทุกจาก จ.สุรินทร์ กำลังพาไปผสมพันธุ์ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เบรกแตกไถลพุ่งชนเขาใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บขาหน้าหักทั้งสองข้าง ตามลำตัวมีรอยถลอกหลายแห่ง ได้รับความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ จ.สุรินทร์ นำตัวไปรักษา ซึ่งเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทราบข่าวทรงห่วงใย พระราชทานคณะสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเดินทางมาดูแลพังกำไลอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเหตุการณ์สะเทือนใจคนรักช้างก็เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ก.ค. ที่สถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ (รพ.ช้าง) จ.สุรินทร์ ถนนสายสุรินทร์-ปราสาท กม.ที่ 17-18 สถานที่รักษาพังกำไล คณะสัตวแพทย์ได้ช่วยกันใช้เครื่องมือยกตัวพังกำไลขึ้น เพื่อทำการตรวจสุขภาพและทำความสะอาดบาดแผลเหมือนเช่นทุกวัน กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงเศษ พังกำไลเกิดอาการชัก ดิ้น ตาลอย ซ้ำยังสำรอกอาหารที่กินไปเมื่อคืนออกมา มีอาการหมดเรี่ยวหมดแรง คอตก หัวใจหยุดเต้น ทางทีมสัตวแพทย์ จึงรีบผ่อนเชือกจากท่ายืนลงอยู่ในท่านอน จากนั้นช่วยกันปั๊มหัวใจอยู่ครู่ใหญ่ แต่กลับไม่ดีขึ้น ในที่สุดช้างสาวก็สิ้นใจตายเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นและผู้ที่เดินทางเข้าไปเยี่ยมช้างในสถาบันอย่างมาก

นสพ.มาโนชญ์ ยินดี สัตวแพทย์ผู้ดูแล เผยว่า อาการของพังกำไลไม่ดีมาหลายวันแล้ว ช่วงเกิดเหตุทางทีมงานก็พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาชีวิตไว้ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของพังกำไลไว้ได้ ต่อมานายวิเชียร ชวลิต ผวจ.สุรินทร์ ทราบข่าวรีบเดินทางมาตรวจสอบ กล่าวว่า ทางจังหวัดจะให้ทาง อบจ. นำรถเครนมายกซากพังกำไล จากนั้นจะบรรทุกใส่รถ 10 ล้อ นำไปส่งที่ จ.สุรินทร์ สำหรับการช่วยเหลือควาญช้างจะมีการหารือกันภายหลัง ด้านนายสมศักดิ์ ศาลางาม อายุ 30 ปี เจ้าของพังกำไล เผยด้วยความโศกเศร้าว่า ไม่คิดว่าพังกำไลจะมาล้มลงเร็วแบบนี้ เมื่อเช้ายังมีอาการตอบสนองดีอยู่ รู้สึกเสียใจมาก เพราะผูกพันกันมานาน อยากขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด สำหรับซากพังกำไลจะนำไปประกอบพิธี กรรมทางศาสนาที่วัดป่าอาเจียง หมู่บ้านช้าง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ แล้วฝังที่วัดทันที

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การใช้ภาษาไทยของคนไทย ถึงขั้น "วิกฤต'' ....?

เผยผลสำรวจปัญหาการใช้ภาษาไทยของคน ไทยพบว่าอยู่ในขั้นวิกฤต “เขียนผิด พูดผิด จับใจความผิด ฟังผิด อ่านผิด” ชี้กลุ่มวัยรุ่น ดารา นักแสดง นักร้อง นักการเมือง และสื่อมวลชน ต้นตอให้เกิดปัญหาการใช้ภาษาไทยเพี้ยน

นายนพดล กรรณิกา หัวหน้าศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า 29 ก.ค. เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ ศูนย์วิจัยฯ จึงได้ทำวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “ความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับวันภาษาไทยแห่งชาติ และปัญหาในการใช้ภาษาไทย : กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” จำนวน 2,452 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-23 ก.ค.2551 ผลการสำรวจพบประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.1 ไม่ทราบว่าวันภาษาไทยแห่งชาติตรงกับวันใด มีเพียงร้อยละ 9.9 ที่ทราบและตอบถูกว่า วันภาษาไทยแห่งชาติตรงกับวันที่ 29 ก.ค.ของทุกปี
ครั้นถามว่าภาษาไทยมีพยัญชนะกี่ตัว พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.5 ทราบ และตอบได้ถูกต้องว่ามี 44 ตัว ในขณะที่ร้อยละ 21.5 ระบุไม่ทราบ ถามว่าภาษาไทยมีสระทั้งหมดกี่รูป พบว่าร้อยละ 86.7 ไม่ทราบ มีเพียงร้อยละ 13.3 เท่านั้นที่ระบุทราบและตอบว่ามี 21 รูป ขณะที่ร้อยละ 73.7 ไม่ทราบว่าภาษาไทยมีวรรณยุกต์กี่รูป มีเพียงร้อยละ 26.3 เท่านั้นที่รู้ว่ามี 4 รูป 5 เสียง นอกจากนี้ เมื่อถามถึงปัญหาการใช้ภาษาไทยที่ผู้ถูกศึกษามักจะประสบด้วยตนเอง พบว่า ร้อยละ 54.5 ระบุ เขียนผิด รองลงมาคือร้อยละ 27.2 ระบุ พูดผิด ร้อยละ 27.2 เท่ากันระบุ จับใจความ เข้าใจผิด ร้อยละ 20.2 ระบุ ฟังผิด และร้อยละ 19.1 ระบุ อ่านผิด ตามลำดับ
ทั้งนี้ กลุ่มบุคคลที่มีส่วนทำให้เกิดปัญหาในการใช้ภาษาไทย ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.5 ระบุกลุ่มวัยรุ่น รองลงมาคือร้อยละ 48.5 ระบุกลุ่มดารา นักแสดง ร้อยละ 34.6 ระบุกลุ่มนักร้อง ร้อยละ 31.8 ระบุกลุ่มนักการเมือง และร้อยละ 19.6 ระบุสื่อมวลชน เมื่อถามถึงรายการโทรทัศน์ที่ช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยได้อย่างดีในสายตา ประชาชนที่ถูกศึกษาครั้งนี้ ร้อยละ 60.7 ระบุเป็นรายการคุณพระช่วย รองลงมาคือร้อยละ 18.3 ระบุเป็นรายการกระจกหกด้าน ร้อยละ 8.3 ระบุรายการชิงช้าสวรรค์
การแก้ไขปัญหาภาษาไทยเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูการใช้ภาษาไทยในช่วงนี้ พบว่า ร้อยละ 89.8 ต้องเร่งแก้ไข ขณะที่ร้อยละ 10.2 ไม่ต้องเร่งแก้ไข และร้อยละ 23 ระบุควรมีรายการโทรทัศน์ที่ส่งเสริมการใช้ภาษาไทยให้มากขึ้น ร้อยละ 19 ระบุสอนวิชาภาษาไทยให้มากขึ้น ร้อยละ 18.4 ระบุอนุรักษ์การพูด การอ่านแบบไทยๆ ร้อยละ 15.6 ระบุจัดประกวดการใช้ภาษาไทย แข่งขันคัดลายมือ แข่งขันแต่งกลอน ร้อยละ 15 ระบุส่งเสริมการอ่าน การพูดภาษาไทยในสถาบันการศึกษา และร้อยละ 8.8 ระบุจัดการแข่งขันอ่านร้อยแก้ว ร้อยกรองระดับประเทศ ตามลำดับ
โดย ผู้จัดการออนไลน์
ในฐานะที่ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านคิดอย่างไรกับ "การใช้ภาษาไทย" ในขณะนี้?

งาน "Cowboy Market" เฉพาะกลุ่มเรียนวันพฤหัสบดีเท่านั้น

ให้แต่ละกลุ่มเข้าไปยัง http://www.cowboymarket.mju.ac.th/ เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของ Cowboy Market และให้ท่านสำรวจสถานที่ตั้งจริงของ Cowboy Market จากนั้นให้ทำดังนี้

1. วิเคราะห์ SWOT ของ Cowboy Market?
2. ให้วาดแผนผัง (Layout) ของ Cowboy Market ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และให้เสนอแผนผังใหม่ (Layout) ที่เห็นว่าน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแผนผังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ
3. ให้ออกแบบสอบถาม โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสินค้าใน Cowboy Market พร้อมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล (เฉพาะข้อ 3 ส่งภายในวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2552 ก่อนเวลา 16.00 น.)

ส่งงานไปที่ jamnian54@gmail.com

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"ไข่ไก่ปลอมระบาด... ?

สธ.หวั่นไข่ไก่ปลอมจากจีน ขู่เจอโทษทั้งจำ-ปรับ ระบุไม่มีประโยชน์ทางอาหาร อาจรับพิษจากเคมี

วิทยาหวั่นไข่ไก่ปลอมจากจีน ทะลักเข้าไทย สั่งด่านอย.ทั่วไทย จับตาการลักลอบนำ และยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ปลอมใกล้ชิด ขณะที่ซีพีเอฟ บอกรู้มานานแล้ว เชื่อผู้บริโภคแยกแยะถูก จับเขย่าแล้วรู้สึกต่างกัน
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงข่าว ไข่ไก่ปลอม ทำจากสารเคมีอันตรายจากประเทศจีน ลักลอบวางจำหน่ายในตลาด เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพว่า จากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการ ส่วนประกอบของไข่ปลอมดังกล่าว ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อสุขภาพ และอาจมีอันตรายจากสารเคมีที่ใช้ด้วย
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบการนำเข้าไข่ไก่ปลอมจากต่างประเทศและในท้องตลาด และขอความร่วมมือกรมศุลกากรเฝ้าระวังใน 2 เรื่อง คือ 1.การนำเข้าไข่ไก่ปลอม และ 2.การนำเข้ายาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ปลอม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชนไทย หากพบสิ่งของต้องสงสัย ให้ส่งให้เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาประจำด่านศุลกากร ข้าตรวจสอบก่อนดำเนินพิธีการศุลกากรด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสุ่มตรวจสอบไข่ไก่ในท้องตลาดเบื้องต้น ยังไม่พบมีการจำหน่ายไข่ไก่ปลอมในประเทศไทยแต่อย่างใด
ด้าน นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ได้สั่งการให้ด่านอาหารและยาตามแนวพรมแดนทั่วประเทศ เฝ้าระวังและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าไข่ไก่ปลอมและยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะไจะมีการสุ่มเก็บตัวอย่างไข่ไก่ส่งตรวจวิเคราะห์ หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด จัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารปลอม มีโทษจำคุก 6 เดือน10 ปี และปรับ 5,000100,000 บาท ส่วนยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ปลอม ผู้ขายหรือนำเข้าต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี และปรับตั้งแต่ 2,00010,000 บาท ผู้ผลิตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 10,000 50,000 บาท
ไข่ไก่ปลอมนั้น จะไม่มีสารอาหารใดๆ ที่เป็นประโยชน์ทางโภชนาการต่อสุขภาพ และขณะนี้ประเทศไทยไม่มีการนำเข้าไข่ไก่จากจีนแต่อย่างใด มีนำเข้าเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม อย.จะเก็บตัวอย่างไข่ไก่ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นส่งตรวจวิเคราะห์ด้วย ส่วนวิธีการสังเกตว่าเป็นไข่ปลอมหรือไม่นั้น เท่าที่ทราบคือ เมื่อเขย่าไข่ไก่ปลอมจะรู้สึกเหมือนมีช่องว่างของน้ำในไข่ แต่ถ้าเป็นไข่ไก่ของแท้ เมื่อเขย่าจะรู้สึกแน่น ทั้งนี้ อย.จะตรวจสอบเฝ้าระวังในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ เลขาธิการ อย.กล่าว
ด้านนางจารุวรรณ โชติเทวัญ กรรมการบริษัท โกลเด้นไลน์ จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัทสหฟาร์ม กล่าวถึงไข่ไก่ปลอมว่า สหฟาร์มส่วนใหญ่จะเน้นการส่งออกเนื้อไก่เป็นหลัก แต่ก็มีการผลิตไข่ไก่บ้าง เพราะไข่ไก่ส่วนใหญ่จะนำไปฟักเป็นตัวส่งเป็นไก่เนื้อส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนเรื่องไข่ไก่ปลอมที่เป็นข่าวนั้น ยังไม่ทราบข่าว แต่ทางบริษัทก็มีระบบมาตรการรักษาความสะอาดอยู่แล้ว ตนเชื่อมั่นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งรัฐมีมาตรกางกันไม่ให้ไข่เคมีหรือไข่ปลอมเข้ามาในบ้านเรา นอกจากนี้เมื่อมีข่าวนี้ออกมาลูกค้าจะต้องศึกษาคุณภาพของไข่ไก่ก่อนที่จะตกลงซื้อไปบริโภค
ขณะที่ นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รอง ผจก.อาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณท์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า ในเว็บไซค์ต่างๆมีการโพสรูปไข่ปลอมลงและมีการพูดคุยกันในเว็บมานานแล้ว และเคยมีคนนำมาให้ดูแล้ว แต่ไม่ทราบว่ามาจากประเทศจีนหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าที่จะเข้ามาแพร่ในเมืองไทยได้เพราะบ้านเรามีมาตรการป้องกันดี อีกทั้งผู้บริโภคเองก็สามารถแยกแยะได้ถูกต้อง ที่สำคัญไข่ดังกล่าวมันไม่ใช่อาหาร เป็นสารเคมี น่าจะเป็นของเล่นมากกว่าที่จะมาใช้บริโภคจริง เชื่อว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อขบวนการผลิตไข่ไก่ของบริษัทหรือตลาดไข่ไก่ ที่สำคัญบริษัทจะเน้นเรื่องความปลอดภัยหรือฟู้ตเซฟตี้เป็นหลัก
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า ไข่เคมีนี้จะมาตีตลาดไข่ไก่ เพราะราคาไข่ไก่สูงนั้น นายสุพัฒน์ กล่าวว่าตนคิดว่า เรื่องราคาไข่ มีขึ้นมีลงทุกวันเป็นไปตามกลไกของตลาด ตามกฎอุปสงค์และอุปทานอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่เชื่อว่า หากไข่เคมีเข้ามาในเมืองไทยจะทำให้คนหันไปบริโภคไข่เคมีกันหมด


ในฐานะที่ท่านเป็น "ว่าที่นักการตลาดในอนาคต" ท่านคิดว่าหากไข่ไก่ปลอมจากจีนทะลักเข้าไทย จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขายไข่ไก่รายย่อยอย่างไรบ้าง? และท่านจะเสนอแนะแนวทางแก้ไขผลกระทบนั้นอย่างไร?

ปัญหาในสังคม...กระทบต่อนักศึกษาอย่างไร?

ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ปัญหาคนตกงาน และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา ณ ขณะนี้ ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาท่านคิดว่ามีปัญหาใดในสังคมที่ส่งผลกระทบต่อตัวท่าน? เพราะเหตุใด? และท่านแก้ไขหรือมีทางออกสำหรับปัญหานั้นอย่างไร?

งาน "Cowboy Market" เฉพาะกลุ่มเรียนวันอังคารเท่านั้น

ให้แต่ละกลุ่มเข้าไปยัง http://www.cowboymarket.mju.ac.th/ เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของ Cowboy Market และให้ท่านสำรวจสถานที่ตั้งจริงของ Cowboy Market จากนั้นให้ทำดังนี้

1. วิเคราะห์ SWOT ของ Cowboy Market?
2. ให้วาดแผนผัง (Layout) ของ Cowboy Market ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และให้เสนอแผนผังใหม่ (Layout) ที่เห็นว่าน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแผนผังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ
3. ให้ออกแบบสอบถาม โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสินค้าใน Cowboy Market พร้อมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล (เฉพาะข้อ 3 ส่งภายในวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2552 ก่อนเวลา 16.00 น.)

ส่งงานไปที่ jamnian54@gmail.com

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เล่นเกมส์ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน..?

กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดมาตรการให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เล่นเกมส์ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน

ในฐานะที่ท่านเคยผ่านการเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี (ถึงแม้ตอนนี้จะเกินมาเยอะแล้วก็ตาม) ท่านคิดอย่างไรกับมาตรการนี้?

คนรุ่นใหม่..ไสยศาสตร์?

ในฐานะที่ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านเชื่อในเรื่อง "ไสยศาสตร์" หรือไม่? เพราะอะไร?

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คิดอย่างไรกับการหางานทำในปัจจุบัน?

ในฐานะที่ท่านจะต้องเป็นคนหนึ่งที่จะได้ชื่อว่า "ผู้หางานทำในอนาคต" ท่านคิดว่าการหางานทำในปัจจุบันเป็นอย่างไร?

คิดอย่างไรกับข่าวนี้?

สลดสาวโหดทำร้าย"แม่ชรา"วัย97 ตบ-ตี-ทุบ ชาวบ้าน รับไม่ได้ แจ้งตร.จับ (ข่าวสด)

ชาวบ้านสุดทน แห่ร้องตำรวจช่วยหญิงชราอายุ 97 ปี ถูกลูกสาวในไส้ทำร้ายร่างกายสารพัดวิธี มาเกือบ 4 ปี โดยถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ทั้งใช้มือบีบปากบีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นฟาดจนหงายหลัง เคยร้องเรียนผู้เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้า ตำรวจไปตามตัวแต่ไม่พบ ปล่อยแม่อายุเกือบร้อยปีนอนอยู่บ้านตามลำพัง เตรียมดำเนินคดีฐานกระทำทารุณบุพการี
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สะอาดพรรค ผบก.ภ.จว.สุโขทัย ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านใน อ.กงไกรลาศ ว่า ที่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย มีหญิงชราอายุเกือบ 100 ปี ถูกลูกสาวในไส้ทำร้ายร่างกายเป็นประจำทุกวัน ทั้งกลางวันกลางคืน ได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจมานานเกือบ 4 ปี จนเป็นที่สลดหดหู่สมเพชเวทนาของชาวบ้าน แม้ชาวบ้านจะเคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ หลายครั้ง แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ
ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สั่งการ พ.ต.อ.เริงเกียรติ โสธรเจริญสินธ์ ผกก. สภ.กงไกรลาศ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและช่วยเหลือหญิงชรารายนี้ จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า หญิงชราที่ถูกลูกในไส้ทำร้าย คือ นางเลื่อน ม่วงเขียว อายุ 97 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกร ลาศ ส่วนลูกสาว คือ น.ส.ดาวเรือง ม่วงเขียว อายุ 59 ปี เป็นลูกคนที่ 4 จากทั้งหมด 5 คน
สำหรับพฤติกรรมของ น.ส.ดาวเรือง ที่กระทำกับแม่ผู้ให้กำเนิดซึ่งอยู่ในวัยชรานั้น มีทั้งใช้มือตบ บีบปาก บีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นและไม้กวาดฟาดตีตามตัว ใช้ขันน้ำโขกศีรษะ ใช้ช้อนป้อนข้าวกะซวกปากแรงๆ หลายครั้งถึงขั้นหงายท้อง ที่เลวร้ายสุดๆ คือ ใช้เท้าถีบหน้าแม่จนล้มหงายต่อหน้าชาวบ้าน ครู และเด็กนักเรียนจำนวนมาก นอกจากนี้ ตอนกลางคืนชาวบ้านยังได้ยินนางเลื่อนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านได้ถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย ทุกคนพร้อมเป็นพยานหากมีการดำเนินคดี น.ส.ดาวเรือง ฐานทำร้ายและทารุณบุพการี
ตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาร้องเรียนกับผู้นำชุมชนแล้วทุกระดับ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าใดๆ ต่างก็อ้างเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัว ช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านละแวกนั้น เคยขอร้อง น.ส.ดาวเรือง ให้หยุดทำร้ายแม่ตัวเอง แต่ก็ถูกดุด่าต่อว่ากลับมา จึงไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว นับเวลาก็นานเกือบ 4 ปีแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าต้นมะพร้าวหน้าบ้านของ น.ส.ดาวเรือง จนยืนต้นตาย ทั้งที่อยู่ในช่วงกลางวันแสกๆ ไม่มีเค้าเมฆฝนแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อาจเป็นลางบอกเหตุถึงสิ่งที่ น.ส.ดาวเรือง กระทำทารุณต่อผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า
จากนั้น พ.ต.อ.เริงเกียรติ ผกก.สภ. กงไกรลาศ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัว น.ส.ดาวเรือง มาโรงพัก แต่ไม่พบตัว เพื่อนบ้านแจ้งว่าออกไปไหนไม่มีใครรู้ ปล่อยแม่อายุเกือบร้อยปีนอนอยู่บริเวณชานบ้านตามลำพัง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะติดตามตัว น.ส.ดาวเรือง มาให้ได้ และต้องการให้ผู้เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ดาวเรือง ฐานทำร้ายร่างกายและกระทำทารุณบุพการี
ด้าน พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สั่งการด่วน ผกก.สภ.กงไกร ลาศ รีบช่วยเหลือนางเลื่อน และเชิญตัว น.ส.ดาวเรือง มาสอบสวน แต่ น.ส.ดาวเรือง หลบหนีจากบ้านก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาให้ได้ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป้องกันความรุนแรงในครอบครัว ดำเนินการกับ น.ส.ดาวเรือง รวมทั้งต้องตรวจสอบสุขภาพจิตด้วย เบื้องต้นเท่าที่ทราบพบว่า น.ส.ดาวเรือง ยังพูดคุยรู้เรื่อง มีสติ ไม่ใช่คนวิกลจริตแต่อย่างใด
ขณะที่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ระหว่างลูกสาวกับมารดา หากต้องการดําเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.ดาวเรือง ต้องให้ผู้เสียหาย คือ นางเลื่อน เป็นผู้แจ้งความ ส่วนกรณีที่ไม่มีการแจ้งความดําเนินคดีกับผู้กระทําผิดนั้น ขณะนี้มี พ.ร.บ.ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถนํามาใช้จัดการปัญหานี้ได้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เจ้าหน้าที่ต้องเชิญ น.ส.ดาวเรือง มาพูดคุยกันก่อน พร้อมทําข้อตกลงกันว่าต่อไป หากยังทําร้ายมารดาอีกจะต้องถูกดําเนินคดีทางกฎหมาย ลักษณะเป็นการปรามไม่ให้กระทําอะไรที่รุนแรงกับมารดาอีก เป็นการคาดโทษเอาไว้

แจ่มฟ้าพลาซ่า + 7-Eleven + Lotus Express + โชว์ห่วย ...สงครามค้าปลีก?

บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ มีร้านค้าปลีกสมัยใหม่เกิดขึ้นมาหลายรายเริ่มจากรายแรกคือ 7-Eleven ตามมาด้วยการเปิดตัวของ แจ่มฟ้า พลาซ่า และล่าสุดการเปิดตัวของ Lotus Express

แน่นอนว่า สำหรับผู้บริโภคทั้งนักศึกษาและชาวบ้านใกล้เคียงแล้ว ย่อมเห็นด้วยกับการเปิดของร้านค้าเหล่านี้เพราะทำให้มีแหล่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น แต่สำหรับร้านโชว์ห่วยที่เปิดกิจการมานาน การมาของร้านค้าเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างจัง

ให้ท่านทำดังนี้
1. วิเคราะห์ SWOT ของ 7-Eleven, แจ่มฟ้าพลาซ่า และ Lotus Express
2. ร้านโชว์ห่วยที่ตั้งอยู่ใกล้หรือติดกับร้านตามข้อ 1 ควรปรับตัวอย่างไร? อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ข้อสำคัญ ให้พิมพ์คำตอบใน Microsoft Word และส่งไปที่ jamnian54@gmail.com เท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดในสถาบันการศึกษา....?

สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำท่าว่าจะแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาที่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ระบาดเข้าไปถึงทั้งระดับอนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ต่างได้รับผลกระทบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางสถาบันก็มีการสั่งปิดโรงเรียน บางสถาบันก็งดจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่ของเชื้อ บางสถาบันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษาคนหนึ่ง ท่านคิดว่าสถาบันควรจะมีบทบาทอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่ 2009 แพร่กระจายไปมากกว่าที่เป็นอยู่?

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดในมหาวิทยาลัยแม่โจ้?

จากสถานการณ์ที่มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้หลายคน ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่มหาวิทยาลัยก็มีการเรียนการสอนตามปกติ ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งนี้
ท่านจะมีวิธีการป้องกันตนเองและแนะนำเพื่อนๆ ของท่านอย่างไร?

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

จุดขายน้ำแร่ ตรา "คาวบอยแม่โจ้"

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ผลิตน้ำแร่ออกมาขายตามท้องตลาด และน้ำแร่ ตรา "คาวบอยแม่โจ้" ก็เป็นน้ำแร่อีกตราหนึ่งที่ผลิตออกมาขายสู่ท้องตลาด
ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และเรียนสาขาวิชาการตลาด ท่านคิดว่า จุดขายของน้ำแร่ตรา "คาวบอยแม่โจ้" คืออะไร? เพราะอะไร?

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผลกระทบของไข้หวัดใหญ่ 2009.. ..ต่อตัวคุณและต่อธุรกิจ..?

สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ขณะนี้ได้แพร่กระจายไปในวงกว้างครอบคลุมเกือบทั่วประเทศแล้ว และยอดผู้เสียชีวิตก็มีทุกวัน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ท่านคิดว่า ส่งผลกระทบอย่างไรต่อตัวท่าน? และส่งผลอย่างไรต่อการประกอบธุรกิจ?

ระวัง ! ตกหลุมวิกฤตจนเสียโอกาส

จากกรณีศึกษา เรื่อง "ระวัง ตกหลุมวิกฤติจนเสียโอกาส" ซึ่งเข้าถึงได้จาก http://inside.cm.mahidol.ac.th/mkt/index.php?option=com_content&view=article&id=210:2009-03-12-20-32-40&catid=2:case-studies&Itemid=13
ให้ท่านวิเคราะห์และแสดงความเห็นต่อคำถามตอนท้ายของกรณีศึกษานี้

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจากสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009

ขณะนี้สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทย จากที่คิดว่าไม่มีอะไรควบคุมได้ กลายเป็นว่าได้เกิดการแพร่กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น และมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้วถึง 5 คน ทำให้คนไทยและนักท่องเที่ยวหลายคนเริ่มหวาดวิตกกับการแพร่กระจายของโรคนี้กันมากขึ้น

ในฐานะที่ท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความรู้ทางด้านธุรกิจ ท่านคิดว่าสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยอย่างไร?

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ของ Brandname.. ขายสินค้า หรือ ค้าชีวิตสัตว์?

ปัจจุบันมีสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังหลายๆ บริษัท ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กางเกง กระโปรง เข็มขัด หมวก กระเป๋า รองเท้า ถุงเท้า เครื่องประดับ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัตว์ บางครั้งถึงกับเป็นสินค้าที่ทำมาจากสัตว์ที่หายาก หรือเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธ์

อย่างนี้แล้ว.. ท่านคิดว่าบริษัทที่ทำแบบนี้ ขายสินค้า หรือว่า ค้าชีวิตสัตว์ กันแน่?

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คิดดี ทำดี ได้ดี จริงหรือเปล่า?

สุภาษิตโบราณ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" "คิดดี ทำดี แล้วจะได้ดี"
ท่านคิดว่า การดำเนินชีวิตในปัจจุบัน จะเป็นจริงตามสุภาษิตโบราณนี้หรือเปล่า?

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คุณคิดว่า Blog จะช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กไทยได้อย่างไร?

ปัจจุบันเด็กไทยมีการนำเอา Blog เข้ามาใช้ทั้งการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ของเพื่อน ของครอบครัว และเพื่อการศึกษา รวมทั้งเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันภายในกลุ่ม

ซึ่งผลของการเล่น Blog น่าจะช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยในด้านต่างๆ ได้ดีขึ้น

Internet Marketing

ให้เลือก Web Site ที่มีการขายสินค้าเหมือนกันมา 2 Web และทำการวิเคราะห์ดังนี้
  1. จุดแข็งและจุดอ่อนของ Web
  2. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  3. จุดขายของ Web

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คิดให้ได้อย่างนี้ซิ.. ถึงจะเรียกว่าคิดบวก

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการจะได้พบคนที่ใช่ใหม่อีกครั้ง
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า ‘มารไม่มี บารมีไม่เกิด‘
เวลาเจอวิกฤติ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม ‘ในวิกฤติย่อมมีโอกาส‘
เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์.

(หมายเหตุ : เจ้าของกระทู้ต้องขอโทษเป็นอย่างสูงที่จำไม่ได้ว่าบทความนี้เป็นของผู้ใด
อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณเจ้าของบทความมา ณ ที่นี้)

ช้างไทย VS หมีแพนด้า อะไรสำคัญกว่ากัน?

ขณะนี้คนไทยกำลังอยู่ในกระแสของ Panda Fever กันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการประกวดตั้งชื่อให้กับลูกหมีแพนด้า ที่มีการส่งไปรษณียบัตรเข้าร่วมตั้งชื่อกันอย่างล้นหลาม และคงจะมีกิจกรรมอื่นๆ ตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่คนไทยยังให้ความสนใจกับกระแส Panda Fever.. ..แล้วจะมีคนไทยซักกี่คนกันนะ ที่สนใจว่า “พังกำไล.. ช้างไทยที่บาดเจ็บและ..ขาหัก จะเป็นอย่างไร? จะหายเมื่อไหร่? หรือจะมีส่วนช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง?” แล้วท่านหล่ะ..ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ท่านคิดว่า “ช้างไทย กับ หมีแพนด้า อะไรสำคัญกว่ากัน?”


แถมท้ายด้วย บทกวีที่อ่านแล้ว…โดนใจเต็มๆ (ขอบคุณ ดร.กัญญพัสวีย์ กล่อมธงเจริญ ที่ส่ง mail บทกวีนี้มาให้)


แพนด้า แพนด้า พ่องจายยยยยยยยยยยย

เกิดมาเป็นสัตว์เลือดอุ่น …… บ้านอยู่ทางโน้น จีนแผ่นดินใหญ่

เติบโตเพราะกินไผ่ตง …… เขาจับมาส่ง ไม่ได้ผลักไส

มาอยู่เชียงใหม่กับผัว ……..อยู่กัน 2 ตัว มีลูกไม่ทันใช้

ก็มันไม่มีอารมณ์ ………. เสพสมบ่มิสม จับนมจับไข่

ให้กร๊วบกันโชว์คนอื่น …..เห็นว่าเราหื่น กันนักใช่ไหม

บอกแล้วไม่มีอารมณ์ ……..ผู้คนชื่นชม สมเป็น นิสัย

เห็นทีต้องผสมเทียม…….ถ่ายผ่านเพนเที่ยม โพสต์โชว์เว๊บไซด์

ได้ลูกออกมา 1 ตัว…..ทั้งที่ไม่มีผัว หนูกลัวเป็นไข้

ความสาวยังบริสุทธิ์ ……. จะเอาหน้ามุดไปไว้ที่ไหน

1 อาทิตย์ ลูกโตหูดำ ……. มันไม่มีหะหรำ และไม่มีไข่

เป็นตัวเมีย ไม่มีชื่อ …….หน้าตาซื่อ น่ารักกว่าไก่

อยากมีบ้าน 60 ล้าน (บาท) ….. คนไทยประทานให้หนูได้ไหม

สื่อช่วยประโคมกันหน่อย…..ออกข่าวบ่อยๆ เด็กๆ ดูได้

แต่หนูสงสารพี่ช้าง ……ที่เขาอ้างว้าง ไม่ค่อยมีใคร

หนูเกิดมาจากเมืองจีน ……อยากกลับคืนถิ่น ส่งหนูได้ไหม

พี่ช้างมากมายหลายเชือก……ต้องนอนเข้าเฝือก รอคนเยี่ยมไข้

บ้านหนู ไม่ต้องสร้างหรอก …. หนูมันหมีนอก ไม่ใช่หมีไทย

หนูมีบ้านจริงของหนู …… พวกคุณมองดู ว่าจริงใช่ไหม

ใครๆก็รักบ้านเกิด…..ส่งหนูกลับเถิด นะจ๊ะคนไทย

อยากให้นำเงินทั้งหมด…..เงินแห้งเงินสดให้พังกำไล

พี่เขาต้องการกว่าหนู …… อยากให้คิดดู ถ้าคิดกันได้

พี่เขาช่วยคนไทยมานาน …… ปกป้องเรือนบ้าน ให้อยู่อาศัย

ยามรบพี่เขาไม่หวั่น …….ยามสงบ พี่เขานั้น ช่วยแบกต้นไม้

เขาอยู่กับคุณตลอด……มาแต่อ้อนแต่ออก จริงไหมคนไทย

สำนึกรักบ้านเกิดบ้าง….. อย่าให้อายช้างอายหมีที่ไหน

หวังว่าคงจะยินดี…..หลินฮุ่ยวอนพี่ช่วยเหลือช้างไทย

วอนน้องลุงป้าอาน้า ขอเหอะพี่ขา แพนด้าพ่องจายยยยยยยย


งดเหล้าเข้าพรรษา.. คุณคิดว่าทำได้จริงหรือ?

ทุกๆ ปี ช่วงเทศกาลเข้าพรรษา กิจกรรมหนึ่งที่มักจะเห็นรณรงค์กันเป็นประจำ นั่นก็คือ “การงดเหล้าตลอดช่วงเวลาเข้าพรรษา” ซึ่งบางคนก็งดเหล้าได้ บางคนก็งดได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคนก็บอกว่า “ดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษา และงดดื่มหลังจากออกพรรษาจะดีกว่า”

เป็นเรื่องนานาจิตตังของมนุษย์แต่ละคน แล้วคุณหล่ะมีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร?

คิดอย่างไรกับการแต่งกายของนักศึกษาในปัจจุบัน?

นักศึกษาวิ่งตามแฟชั่นเหตุแต่งกายรัดติ้ว ผ่าสูง
(ที่มา :
http://women.thaiza.com/detail_39460.html)

ผอ.ศูนย์คุณธรรมชี้ชุดนักศึกษาถูกระเบียบมีน้อย ทั้งที่เด็กบางคนอาจจะอยากแต่งกายถูกต้องแต่หาซื้อไม่ได้ ขณะที่บางส่วนวิ่งตามแฟชั่นกลัวถูกเพื่อนล้อ ระบุทางออกที่เหมาะสมร้านค้าต้องตัดเย็บเครื่องแบบถูกระเบียบ และ ศธ.ต้องเข้มงวดชุด นศ.ยิ่งขึ้น

นางสาวนราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เปิดเผยว่า การที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบการแต่งกายชุดนักศึกษาที่รัดรูปไม่เหมาะสมนั้น ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่แสดงให้เห็นว่าสังคมต้องการความมีระเบียบวินัย และความถูกต้อง การที่คนในสังคมร่วมกันตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และช่วยกันหาแนวทางแก้ไขย่อมเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะชุดนักศึกษาที่ถือเป็นเครื่องหมายแห่งเกียรติ สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจและความสำเร็จ ดังนั้น แต่ละสถาบันย่อมมีกฎระเบียบเรื่องการแต่งกายไว้เป็นกรอบปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวในหมู่นักศึกษา
ผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า ยอมรับว่าปัจจุบันแฟชั่นมีอิทธิพลต่อการออกแบบชุดนักศึกษา นักศึกษาบางคนอาจอยากแต่งกายให้ถูกกฎระเบียบ แต่จำเป็นต้องซื้อมาใส่เพราะแบบเสื้อที่ถูกระเบียบไม่มีให้เลือกซื้อมากนักตามท้องตลาดทั่วไป รวมถึงต้องวิ่งตามแฟชั่นเพราะกลัวถูกเพื่อนๆ ล้อ ทางออกที่เหมาะสมคือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้านค้าก็ควรออกแบบตัดเย็บชุดนักศึกษาที่ถูกกฎระเบียบมาจำหน่าย ด้านกระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันการศึกษาก็ต้องเข้มงวดเรื่องการแต่งกายมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยของนักศึกษาเอง
“การแต่งกายชุดรัดรูป หรือการสวมกระโปรงสั้น มีผลโดยตรงต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่พบเห็น และส่งผลโดยตรงต่อคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม เป็นเรื่องล่อแหลมและอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ที่มีความคิดไม่ดีไปทำร้ายผู้อื่น อย่างที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ หากปล่อยไว้ไม่ช่วยกันแก้ไขให้เป็นรูปธรรม ก็จะส่งผลกระทบด้านวัฒนธรรมด้วย” นส.นราทิพย์ กล่าว

ฤา “เสื้อติ้ว – เอวต่ำ” จะไม่มีทางแก้ ในวงการแฟชั่นนักศึกษาของวัยรุ่นไทยวันนี้
(ที่มา : http://www.sci.nu.ac.th/websci/project/sciweek2550/website/P/01/worong.htm)


เรื่องเสื้อติ้วกลับมาเป็นเรื่องฮือฮาอีกครั้งหนึ่งเมื่อดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ออกมาระบุว่าการที่เด็กวัยรุ่นนิยมใส่เสื้อผ้ารัดรูป เป็นการสร้างภาพเพื่อให้ตัวเองดูเซ็กซี่ สวย เป็นที่ดึงดูดของเพศตรงข้าม เพื่อให้ตัวเองเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น อาจจะนำไปสู่การได้โอกาสความก้าวหน้าในชีวิต โดยเด็กและเยาวชนสมัยนี้อยากเข้าสู่วงการบันเทิง เดินแบบ นักแสดง นักร้อง พรีเซ็นเตอร์โฆษณาต่างๆ

ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่ากรณีเสื้อแฟชั่นรัดรูปโชว์เรือนร่างนั้นเป็นกระแฟชั่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปีทีเดียว และ “ไลฟ์ ออน แคมปัส” เคยสอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องเสื้อติ้ว กระโปรงเอวต่ำมาแล้วเมื่อปีก่อน จึงขออนุญาตนำกลับมาให้อ่านกันอีกครั้ง
ถูกจับตามองเป็นอย่างมากกับแฟชั่นชุดนิสิตนักศึกษาสมัยนี้ที่ดึงเอาแฟชั่นเสื้อเอวลอย กางเกงเอวต่ำมาผสมผสานกับเครื่องแบบชุดนิสิตนักศึกษาอันทรงคุณค่าแบบเดิมๆ จนออกมาเป็นชุดนักศึกษาแบบเสื้อเข้ารูป กระโปรงเอวต่ำ และได้รับความนิยมจากบรรดานิสิตนักศึกษาสาวทั้งหลายเลือกซื้อหามาสวมใส่กัน
กระแสดังกล่าวทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองไทยหันมาให้ความสนใจกับแฟชั่นชุดนิสิตนักศึกษามากขึ้น พร้อมๆ กับพยายามหาทางแก้ไขแฟชั่นชุดนิสิตนักศึกษาที่ดูไม่เหมาะสม ด้วยวิธีการเรียกมาตักเตือน ชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากชุดนิสิตนักศึกษาที่ล่อแหลม รวมทั้งการรณรงค์ด้วยวิธีการต่างๆ
“หนูว่าเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะที่คนรุ่นหนูจะเชื่อตามที่มีการรณรงค์ เพราะ คนรุ่นหนูสมัยนี้ถ้าอยากจะใส่ก็ใส่เลย ต่อให้รณรงค์อย่างไรก็ไม่สนใจหรอกค่ะการรณรงค์ช่วยได้เพียงแค่ทำให้รับรู้รับทราบถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เท่านั้นเอง แต่ถามว่ามันจะช่วยทำให้คนที่เขาใส่หันมาใส่ชุดที่ดูสุภาพได้ไหม หนูว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะ ถึงอย่างไรเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยก็ใส่แบบนี้กัน”
เป็นเสียงจาก “ฝ้าย วิจิตรา ทักษิณะมณี” นักศึกษาวัย 19 ปีจากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตให้ทัศนะ พร้อมทั้งแนะนำว่าการแก้ไขเรื่องชุดนิสิตนักศึกษาที่มองแล้วไม่เหมาะสมนั้นน่าจะไปแก้ที่ผู้ผลิตมากกว่าที่จะมาจัดการรณรงค์ เพราะ เวลาไปหาซื้อเจอแต่ที่เป็นกระโปรงเอวต่ำ เช่นเดียวกันกับฝ้ายสำหรับสาวร่างบาง “นิ – วรรณวิภา ชื่นสงวน” นิสิตจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒบอกนอกจากจะหาซื้อกระโปรงต่ำได้ง่ายแล้ว เรื่องของราคายังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง
“กระโปรงแบบนี้ราคาไม่แพง ยิ่งถ้าเวลาไปซื้อหลายๆ ตัวก็ได้ลดราคาลงมาอีกแค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง บางทีก็ฝากเพื่อนนี่ล่ะไปซื้อก็เพื่อนที่พักอยู่หอเดียวกันเนี่ยล่ะค่ะ ใครจะไปแถวนั้นถ้าไม่ไปด้วยก็ฝากกันซื้อได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะใส่ไม่ได้ด้วย คือกระโปรงแบบนี้จะเหมือนๆ กันทั้งหมด”
“เมื่อก่อนยังมีเอวเดี๋ยวนี้ร้านขายเขาตัดเอวออกก็คือเป็นกระโปรงแบบเอวต่ำเลย ก็จะเผื่อไว้อีกประมาณ 1 นิ้วครึ่งถึง 2 นิ้วก็จะไม่ต่ำมากเกินไป อย่างปกติหนูยาว 23 นิ้วเวลาซื้อก็จะซื้อแบบ 24 นิ้วครึ่งไม่ก็ 25 นิ้วเผื่อถึงสะโพกน่ะค่ะมันจะได้ไม่สั้นเกินไปน่ะค่ะ ถ้ามียาวกว่านี้หนูก็จะซื้อใส่ค่ะ แต่มันไม่มีขาย ยาวสุดก็ นี่ล่ะประมาณ นี้ล่ะแต่ไม่ค่อยจะมีหรอก” “สมมติถ้าหนูใส่พอดีเอวไม่ให้เป็นเอวต่ำนะ กระโปรงก็จะสั้นขึ้นมาอีกใช่ไหม? ก็ใส่แบบที่ไม่สั้นแบบน่าเกลียด แล้วก็ต้องไม่เอวต่ำมากเกินไปด้วย”
ในขณะที่ “กิ๊ฟซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์” นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และเป็นหนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ซึ่งมีคอนเซปต์การแต่งตัวด้วยกางเกงเอวต่ำขาสั้น กระโปรงสั้นกล่าวว่าการแต่งกายบนเวทีเป็นเรื่องของการแสดงบนเวที แต่ถ้าเป็นชุดนักศึกษาแล้วเธอบอกขอแบบไม่เป็นแฟชั่นเกินไปนัก “โดยปกติแล้วกางเกงเอวต่ำที่ใส่บนเวทีเวลาแสดงจะไม่ต่ำมากถึงขนาดใต้สะดือจนเห็นร่องก้นอะไรอย่างนั้น คือมันอาจจะมีบ้างบางภาพที่อาจหลุดเพราะเป็นการโพสต์ถ่ายภาพแล้วดึงขอบกางเกงมันเลยดูต่ำ หรือเป็นตอนที่เผลอๆ แต่พอมาเรียนก็จะไม่ใส่แบบนั้น”

ภัยเสื้อ นศ.รัดติ้ว ส่งผลสมองไม่พัฒนา
(ที่มา : http://www.sci.nu.ac.th/websci/project/sciweek2550/website/P/01/worong.htm)


เตือนภัยนักศึกษาหญิงชอบใส่เสื้อนักศึกษารัดติ้ว นอกจากจะต้องโชว์หน้าอกตัวเองแล้ว ยังส่งผลถึงระบบหายใจ และจะนำไปสู่การเป็นโรคต่างๆ ที่สำคัญสมองจะพัฒนาได้ช้า
ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า การที่เด็กวัยรุ่นนิยมใส่เสื้อผ้ารัดรูป โดยเฉพาะชุดนิสิต นักศึกษา โดยเลือกเสื้อที่มีขนาดเล็กมากๆ และต้องมี S หลายๆ ตัว ว่า เพื่อแสดงให้เห็นว่ารูปร่างของผู้สวมใส่เล็ก โดยบางคนอาจสวมใส่เสื้อผ้าที่มีขนาด SS (2 เอส) หรือ SSS (3 เอส) หรือ SSSS (4 เอส) หรือ SSSSS (5 เอส) เพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูเซ็กซี่ สวย เป็นที่ดึงดูดของเพศตรงข้าม และเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น อาจจะนำไปสู่การได้โอกาสความก้าวหน้าในชีวิต
วัยรุ่นหรือเยาวชนผู้หญิงจะสนใจความสวยงาม รูปร่างหน้าตา ความเซ็กซี่ ขณะที่วัยรุ่นหรือเยาวชนชายจะให้ความสำคัญกับอำนาจ ตำแหน่ง เงินทอง จะเห็นว่าวัยรุ่นมักทำตามแบบสื่อ เห็นนางแบบ นักร้อง นักแสดง ซึ่งต้องผอม เมื่อเสพสื่อมากๆ ก็อยากผอม ไม่ยอมกิน และต้องใช้วิธีอดอาหาร เนื่องจากไม่อยากออกกำลังกาย ทั้งนี้ สื่อตามนิตยสาร หนังสือพิมพ์มีการโฆษณาลดความอ้วน ซึ่งต้องใช้เงิน เมื่อไม่มีเงินก็ต้องใช้วิธีสวมใส่เสื้อตัวเล็กๆ รัดๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องกินอาหาร หรือกินก็กินได้น้อย เสื้อที่รัดมากๆ ช่วงกระดุมจะมีรอยเปิดเป็นช่องทำให้เห็นร่องอกและเสื้อชั้นใน นิสิต นักศึกษาจำนวนไม่น้อยก็ตั้งใจสวมใส่เสื้อลักษณะนี้ เพราะต้องการโชว์เรือนร่าง มีการประกวดประชันรูปร่างกัน”
ดร.จิตรายังกล่าวด้วยว่า ชุดนิสิต นักศึกษาที่รัดมากๆ จะทำให้ผู้สวมใส่หายใจได้สั้นและตื้น บางคนไม่ยอมหายใจ แต่จะกลั้นไว้เป็นช่วงๆ แล้วค่อยหายใจครั้งเดียว จะเห็นว่าลมหายใจไม่สม่ำเสมอ ซึ่งลมหายใจถือเป็นชีวิตของทุกคน เป็นพื้นฐานของชีวิต เมื่อไหร่ที่เราไม่มีลมหายใจเราต้องตาย การหายใจตื้น สั้น ทำให้นำออกซิเจนไปสู่สมองและเซลล์ทั่วร่างกายได้ไม่ทั่วถึง จึงนำไปสู่ปัญหาทางร่างกาย ทำให้เหนื่อยง่าย วิงเวียน มึน สมองเบลอ เรียนหรือทำงานไม่ได้ดี ไม่มีสมาธิ โดยเฉพาะสมองไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ซึ่งถ้าไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการหายใจให้ยาวและลึก อาจจะนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ ได้เกือบทุกโรค
ทั้งนี้ การสวมเสื้อที่รัดแน่นมากๆ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากการสวมใส่เสื้อตัวเล็กทำให้กินอาหารได้น้อย หรือบางคนอาจจะไม่ยอมกินอาหาร ดังนั้น นิสิต นักศึกษาไม่ควรจะสวมเสื้อตัวเล็ก เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก จะเกิดผลร้ายต่อร่างกายได้ อยากจะให้หันมาออกกำลังกาย และสร้างแนวคิดใหม่ คนสวยรูปร่างดีต้องเป็นคนที่มีสุขภาพดี แข็งแรง มีกล้ามเนื้อ มากกว่าจะเน้นกันที่ผอมเพียงอย่างเดียว

ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า...ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง?

ในสมัยก่อน ผู้หญิงไทยมักจะถูกปลูกฝังหรือฝึกให้มีความเป็นกุลสตรี อยู่กับเหย้าเผ้ากับเรือน มีเสน่ห์ปลายจวัก ดูแลรักษาความสะอาดของบ้านเรือน โดยให้ผู้ชายเป็นผู้ที่มีบทบาทในการทำมาหากิน จึงมีการเปรียบเปรยว่า “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” แต่ปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อมรอบข้างทำให้ผู้ชายและผู้หญิงมีบทบาทที่เหมือนกันมากขึ้น ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในด้านต่างๆ มากขึ้น เช่น เป็น ส.ส. เป็นประธานบริษัท เป็นผู้จัดการบริษัท เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ ท่านเห็นว่า สำนวน “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” ยังคงใช้ได้อยู่หรือเปล่า? หรือเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น?

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ลำไย.. ..ใครคือผู้กำหนดราคา?

ลำไย.. ..ใครคือผู้กำหนดราคา?

บทนำ

“ลำไย” เป็นผลไม้ที่ตลาดยังมีความต้องการอีกมาก ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศขายได้ในระดับราคาที่น่าพอใจ สามารถส่งออกได้ทั้งในลักษณะลำไยสด ลำไยแช่แข็ง ลำไยกระป๋อง และลำไยอบแห้ง มีโอกาสทางการตลาดที่สดใส สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้ปีละหลายร้อยล้านบาท และมีแนวโน้มว่าปริมาณและมูลค่าการ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งลักษณะเช่นนี้น่าจะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เกษตรกรที่ขายลำไยส่วนใหญ่จะตอบเป็นเสียง เดียวกันว่า “ลำไยของตัวเองขายได้ราคาที่ต่ำเกินไป” ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”

ลักษณะการซื้อขายลำไย

ด้วยข้อสงสัยดังกล่าว ผู้เขียนจึงได้เดินทางไปเก็บข้อมูลเบื้องต้นที่จังหวัดลำพูน ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกลำไยที่สำคัญของประเทศ โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์และการสังเกตุ พบว่า เกษตรกรยังคงนิยมขายลำไยอยู่ 2 รูปแบบ คือ
1. ขายแบบเหมาสวน ซึ่งในอดีตมีการตกลงขายเหมาสวนเมื่อลำไยออกช่อดอก แต่ในปัจจุบันเนื่องจากความไม่แน่นอนของดินฟ้าอากาศและปริมาณผลผลิตที่ยากต่อการคาดคะเน ทำให้เกษตรกรและพ่อค้าคนกลางนิยมขายเหมาเมื่อลำไยออกผลเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนใหญ่พ่อค้า คนกลางจะจ่ายเงินมัดจำไว้ก่อนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลักษณะการซื้อขายแบบนี้ทำให้เกิดความเสี่ยงทั้งเกษตรกรและพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อ แต่เกษตรกรจะมีความเสี่ยงมากกว่าถ้าหากปีนั้นลำไยราคาไม่ดี พ่อค้าคนกลางเห็นว่าหากรับซื้อลำไยจากเกษตรกรไปก็จะทำให้ประสบกับปัญหาการขาดทุนได้ พ่อค้าคนกลางก็จะไม่มารับซื้อต่อโดยยอมเสียเงินมัดจำให้แก่เกษตรกรแทน ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระในการหาตลาดสำหรับขายลำไยในสภาวะที่ลำไยมีราคาตกต่ำ
2. เกษตรกรขายเอง ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมขายกันมากในปัจจุบัน โดยเกษตรกรอาจจะขายลำไยเองที่สวน หรือมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน หรือนำไปวางขายที่ตลาด หรือนำไปขายที่จุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลาง โดยเกษตรกรอาจจะขายแยกตามเกรดหรือขายคละก็ได้ จากการสังเกตุพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมนำไปขายที่จุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลาง เพราะมีความสะดวกและขายได้ในปริมาณที่มากกว่าเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ

ดังนั้นผู้เขียนจะขอนำเสนอถึงขั้นตอนการซื้อขายโดยการนำไปขายที่จุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านได้รับคำตอบว่า “เพราะเหตุใดเกษตรกรถึงไม่พอใจในราคาที่ได้รับ?”

ขั้นตอนการซื้อขายโดยการนำไปขายที่จุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลาง
1. เริ่มแรกเกษตรกรจะต้องไปรับตะกร้าพลาสติกมาจากพ่อค้าคนกลางที่ตนเองต้องการจะขาย โดยเกษตรกรจะต้องจ่ายค่ามัดจำสำหรับตะกร้าที่รับมาด้วย ซึ่งค่ามัดจำของพ่อค้าคนกลางแต่ละรายอาจจะเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
2. เมื่อเกษตรกรได้รับตะกร้าพลาสติกมาแล้ว ก็จะนำเอาลำไยที่เก็บเสร็จแล้วมาคัดเอาลูกที่เสียออกและแยกเกรดบรรจุลงในตะกร้า ซึ่งน้ำหนักของลำไยที่บรรจุจะมีน้ำหนักแตกต่างกันออกไปตามแต่ลักษณะตะกร้าของพ่อค้าคนกลางแต่ละราย เช่น ขนาดบรรจุ 12 กิโลกรัม แบ่งเป็นน้ำหนักของตะกร้า 1 กิโลกรัม และน้ำหนักลำไย 11 กิโลกรัม เป็นต้น
3. หลังจากที่เกษตรกรบรรจุลำไยใส่ตะกร้าเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำลำไยไปขายยังจุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลาง ซึ่งวิธีการขนส่งส่วนใหญ่นิยมขนส่งโดยใช้รถกระบะ 4 ล้อ เป็นที่น่าสังเกตุว่าเกษตรกรส่วนใหญ่จะนำไปขายในช่วงเย็นประมาณ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรมักจะเก็บลำไยในตอนเช้าและตอนกลางวัน จากนั้นก็จะบรรจุลงตะกร้ากว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็น ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเกษตรกรจำนวนมากที่รอขายลำไยตรงจุดรับซื้อของพ่อค้า
4. เมื่อไปถึงจุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลางแล้ว เกษตรกรก็จะขนลำไยลงจากรถแล้ววางไว้ตามที่พ่อค้าคนกลางกำหนด จากนั้นก็ต้องรอคิวเพื่อให้พ่อค้าคนกลางมากำหนดราคารับซื้อลำไยของตนเอง
5. เมื่อถึงคิวของตนเองแล้ว พ่อค้าคนกลางจะเปิดดูลำไยในตะกร้าเพื่อที่จะบอกว่าลำไยในตะกร้าใบนั้นจะให้ราคากิโลกรัมละกี่บาท จุดนี้เองที่ทำให้ทราบว่าเพราะเหตุใดเกษตรกรถึงไม่พอใจในราคาที่ได้รับ เพราะการกำหนดราคาของพ่อค้าคนกลางอาศัยการดูด้วยสายตาและจับดูลำไยในตะกร้าแล้วก็บอกว่ากิโลกรัมละกี่บาท พ่อค้าคนกลางอาจจะเปิดดูทุกตะกร้าหรือเลือกสุ่มบางตะกร้าก็ได้ ถ้าพ่อค้าคนกลางเปิดดูทุกตะกร้าเกษตรกรก็อาจจะได้ขายในราคาที่แตกต่างกันในแต่ละตะกร้า หรือถ้าเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันพ่อค้าคนกลางก็อาจจะสุ่มเลือกเปิดบางตะกร้าแล้วกำหนดเป็นราคาสำหรับรับซื้อลำไยที่นำมาขายทั้งหมดก็ได้

จากการสังเกตุพบว่าอำนาจการตั้งราคาเบ็ดเสร็จอยู่ที่พ่อค้าคนกลาง บางครั้งลำไยใน 2 ตะกร้าที่เก็บมาจากต้นเดียวกันราคาที่ได้รับก็ไม่เท่ากัน เกษตรกรมีอำนาจในการต่อรองราคาที่น้อยมากหรือบางรายก็ไม่มีเลย พ่อค้าคนกลางบอกราคาเท่าไหร่เกษตรกรก็จำใจต้องขายในราคาเท่านั้น ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่พอใจในราคาที่ได้รับก็ตามที เพราะเมื่อขนลำไยไปถึงจุดรับซื้อของพ่อค้าคนกลางแล้ว เกษตรกรจะขนกลับก็ยังไม่รู้ว่าจะนำลำไยไปขายที่ไหนได้หมดภายในระยะเวลาที่จำกัด เนื่องจากวิธีการขายแบบอื่นๆ จะขายได้ในปริมาณที่น้อยแต่เกษตรกรเก็บลำไยแต่ละครั้งในปริมาณที่มาก

สรุป

ผลสรุปจากการสัมภาษณ์และสังเกตุที่ผู้เขียนนำเสนอแล้วข้างต้น คงจะทำให้ผู้อ่านได้รับคำตอบแล้วว่า “เพราะเหตุใดเกษตรกรถึงไม่พอใจในราคาที่ได้รับ?” และ “ใครคือผู้กำหนดราคาลำไยที่แท้จริง” ส่วนในปีฤดูการผลิตลำไยปี 2552 นี้ ผู้เขียนเชื่อว่าระบบการซื้อขายลำไยจะยังคงเป็นแบบรูปแบบเดิมอย่างนี้อยู่ต่อไป หากหลาย ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของลำไย แล้วท่านผู้อ่านคิดอย่างไรกับปัญหาการซื้อขายลำไยที่จะเกิดขึ้นในปี 2552 นี้?