วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า...ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง?

ในสมัยก่อน ผู้หญิงไทยมักจะถูกปลูกฝังหรือฝึกให้มีความเป็นกุลสตรี อยู่กับเหย้าเผ้ากับเรือน มีเสน่ห์ปลายจวัก ดูแลรักษาความสะอาดของบ้านเรือน โดยให้ผู้ชายเป็นผู้ที่มีบทบาทในการทำมาหากิน จึงมีการเปรียบเปรยว่า “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” แต่ปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อมรอบข้างทำให้ผู้ชายและผู้หญิงมีบทบาทที่เหมือนกันมากขึ้น ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในด้านต่างๆ มากขึ้น เช่น เป็น ส.ส. เป็นประธานบริษัท เป็นผู้จัดการบริษัท เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ ท่านเห็นว่า สำนวน “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” ยังคงใช้ได้อยู่หรือเปล่า? หรือเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น?

36 ความคิดเห็น:

  1. ผู้หญิงไทยปัจจุบันเก่งๆ กันเยอะนะ สำนวนนี้ไม่น่าจะใช้ได้แล้วหล่ะ น่าจะเป็น "ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า แต่ผู้หญิงเป็นควาญช้าง" น่าจะดีกว่าม้ั้ย หรือใครเห็นเป็นอย่างอื่น

    ตอบลบ
  2. สมัยนี้ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. ดิชั้นคิดว่า สำนวนนี้ ใช้ไม่ได้กับสังคมไทยในปัจจุบัน เพราะ ปัจจุบัน ชาย กับ หญิง มีสิทธิหน้าที่เท่าเทียมกัน ซึ่งต่างจากสมัยก่อน ที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิในการออกความคิดเห็น แต่ในปัจจุบันผู้หญิงเก่งขึ้น มีการศึกษาเยอะขึ้น และมีความเป็นผู้นำสูงขึ้น ทำให้ ปัจจุบัน ผู้ชายไม่สามารถดูถูกผู้หญิงได้อีกแล้ว และบ้านบางบ้าน ภรรยา เป็นผู้ทำหน้าที่ในการหาเงิน เป็นช้างเท้าหน้าให้กับครอบครัว... ด้วยสาเหตุนี้ ดิชั้นจึงไม่เห็นด้วยกับสำนวนนี้

    ตอบลบ
  5. ผู้หญิงควรจะเป็นช้างเท้าหน้ามากกว่าชายแน่นอน.....

    เรื่องของ ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า แต่ว่า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นสำนวนที่ได้กล่าวกันมาตั้งแต่อดีต แต่ว่าปัจุจบันนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงไป เพราะว่าผู้หญิงก็มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ มีความเป็นผู้นำเหมือนกับผู้ชาย หรือบางทีอาจจะมีความรับผิดชอบมากกว่าด้วยซ้ำ และในความเป็นจริงถึงแม้ว่าผู้ชายจะมีความเเข็งแรงกว่าผู้หญิง แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงก็มีความสามารถที่จะเป็นช้างเท้าหน้าได้ หากผู้ชายไร้ความรับผิดชอบทั้งหน้าที่การงาน หรือว่าความรับผิดชอบต่อครอบครัว ค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. *ผู้หญิงควรจะเป็นช้างเท้าหน้า มากกว่าแน่นอน*
      สรุปคือ? ผู้หญิงไม่ควรเป็นช้างเท้าหน้ามากกว่าหรือหลังมากกว่าสิทธิของทั้งสองเพศเท่ากัน

      ลบ
  6. ค่อนข้างไม่เห็นด้วย..สมัยนี้ผู้หญิงที่เก่งๆมีเยอะเข้ามามีบทบาทในสังคมในแต่ละหน้าที่ต่างๆเยอะ ดิฉันคิดว่าสำนวนนี้มันเก่าเกินไปสำหรับปัจจุบันนี้

    สำหรับความคิดของดิฉันเด๋วนี้ก็มีสิทธิเท่าเทียมกันค่ะ เพียงแต่เราก็ไม่ได้หยาม

    ศักดิ์ศรีของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก้เท่านั้นแหละค่ะ

    ตอบลบ
  7. ก็ยังมีใช้กันเป็นบางส่วนอยู่นะคะ สำหรับคนหัวโบราณก็อาจจะคิดว่าผู้หญิงต้องเชื่อฟังคำพูดของผู้ชายต้องฟังคำสั่งของผู้ชายคอยตามตลอด แต่สมัยนี้ดิฉันคิดว่าเป็นส่วนน้อยที่จะคิดแบบเก่าแล้วหล่ะค่ะ เพราะว่าปัจจุบันผู้หญิงได้รับสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชายแล้วฉะนั้นจึงไม่ต้องไปคอยง้อ คอยทำตามคำสั่งอีกแล้ว ผู้หญิงมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากกว่าแต่ก่อนเยอะ ค่ะ

    ตอบลบ
  8. สมัยนี้ผู้หญิงไม่ใช่แค่ช้างเท้าหลังมีแล้วผู้หญิงสมัยใหม่มีความรู้ ความสามารถ เท่าเทียมกับผู้ชาย

    ตอบลบ
  9. เห็นด้วย ที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง

    ตอบลบ
  10. สามี-ภรรยา หน้าที่ย่อมแบ่งไว้แล้วชัดเจน.

    หน้าที่สามี (ที่พึงปฎิบัติต่อภรรยา)
    1. ยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา - ประกาศฐานะความเป็นภรรยาให้ปรากฎ
    2. ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยาม - ยกย่องชื่นชม ให้เกียรติ
    3. ไม่ประพฤตินอกใจ - รักเกียรติและศักดิ์ศรีมีหนึ่งเดียว
    4. มอบความเป็นใหญ่ให้ - ไว้วางใจ มอบหมายให้ดูแลทรัพย์สินสมบัติในครัวเรือน
    5. ให้เครื่องใช้ประดับ - มอบทรัพย์ให้เพื่อใช้จ่ายเสริมความงามตามวิสัยสตรี

    หน้าที่ภรรยา (ที่พึงปฎิบัติต่อสามี)
    1. จัดการงานดี - จัดการภาระหน้าที่ให้เรียบร้อย ไม่คั่งค้างเป็นระบบระเบียบ
    2. สงเคราะห์ญาติบริวารฝ่ายสามีดี - ไม่ใจจืด มีน้ำใจให้ความอนุเคราะห์ต่อญาติและบริวารข้างสามี
    3. ไม่ประพฤตินอกใจสามี - มีความซื่อตรง จงรัก หนักแน่น ไม่เป็นอื่น อันเป็นเหตุให้ครอบครัวร้าวฉาน-หย่าร้าง
    4. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาให้ - อย่าเป็นถุงก้นรั่ว ต้องรู้จักเก็บงำ เพื่อความมั่งคั่งและมั่นคงของครอบครัว
    5. ฉลาดและขยันในกิจการทั้งปวง – เข้าใจหน้าที่และทำด้วยความเต็มใจเสียสละ

    สามี-ภรรยา ต่างก็ทำหน้าที่เหล่านี้ครบถ้วนแล้ว ใครอยากจะเป็นหน้าเป็นหลัง ก็ไปตกลงกันเอง มันแค่สิ่งสมมติ ...แต่ต้องไม่ลืมที่สำคัญ คือหน้าที่ ที่ต้องนำพาครอบครัวให้ดำเนินไปได้อย่างมีความสุขให้ได้ หากยังยึดมั่นถือมั่น ยังมีอัตตา ไม่มีการอภัย ไม่มีความรัก ก็ไม่รู้จะมีเท้าไว้ทำไม..

    ดังนั้น มันไม่สำคัญว่าใครจะเป็นช้างเท้าหน้าหรือช้างเท้าหลัง มันสำคัญตรงที่ว่า เราจะประครองครอบครัวให้อยู่ได้อย่างไร ให้มีความสุขมากที่สุด
    เพราะการที่ครอบครัวมีความสุขมันสำคัญยิ่งกว่าการที่ใครเป็นช้างเท้าหน้า หรือช้างเท้าหลัง

    ตอบลบ
  11. ดิฉันคิดว่า สุภาษิตดังกล่าวยังคงใช้ได้กับบางคน เพราะในความเป็นจริง ญ. ยังเป็นเพศที่อ่อนแอแต่และต้องการการดูแลปกป้องอยู่ แต่ปัจจุบันวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปต้องมีการแข่งขันมากขึ้น ภรรยาจำเป็นต้องออกไปทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของสามี เพื่อนำเงินมาช่วยจุนเจือครอบครัว แต่ก็ยังต้องการผู้นำครอบครัวอยู่
    ในทางกลับกัน ญ. จำนวนไม่น้อยที่มีความรู้ ความสามารถ มากกว่า ช.จึงทำให้เธอเหล่านี้รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพา ช.ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ที่หมั่นคงกว่าผู้ชาย ทำให้เธออยู่ได้ด้วยตัวเอง และความสามารถในการเลี้ยงดูแลบุตร เพราะ ในความเป็นจริง ช.ก็ไม่ได้ดูแลบุตรอย่างจริงจัง
    แต่ถึงอย่างไรหากแต่งงานมีบุตรด้วยกันแล้วก็คือครอบครัว และครอบครัวที่สมบูณ์จะต้องประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก หากลูกขาดคนใดคนหเกิดหนึ่งไป อาจจะเกิดปัญหาต่างๆขึ้น เช่น ปัญหาสังคมตามมา เพราะเกิดจากการขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ การขาดการอบรมเลี้ยงดูอย่างจริงจัง จึงอยากให้ ญ.ไทยมองภาพรวมตรงจุดนี้ด้วยน่ะค่ะ

    ตอบลบ
  12. ของมันมีการเปลี่ยนแปลงได้?
    การดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันมีความทัดเทียมกันมากขึ้นผู้หญิงสามารถเป็นหัวหน้า หรือผู้จัดการควบคุมลูกน้องคนที่เป็นผู้ชายได้เหมือนกันเพราะสภาวะและวัฒนธรรมรอบข้างต่าง ๆ เช่นการศึกษาถ้ามีการศึกดีก็จะได้งานทำที่ดีดังนั้น การทำงานหรือการดำเนินชีวิตต่าง ๆ ไม่ได้วัดที่เพศแต่วัดที่ความรับผิดชอบ ความเป็นผู้นำและการวางตัว

    ปล.แต่แปลกไม่ค่อยเห็นผู้ชายเป็นพยาบาลเลยมีแต่ผู้หญิงเป็นกัน น่าจะมีเยอะ ๆ เหมือนผู้หญิงบ้างเน๊อะ

    ตอบลบ
  13. มันก็อาจจะจริง ซึ่งสามารถใช้ได้เป็นบางเรื่อง สำหรับสำนวนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนอะไรๆ ก็เปลี่ยน เมื่อก่อนบางสิ่งผู้ชายทำได้ ผู้หญิงทำไม่ได้ หรือไม่ก็ผู้หญิงทำได้ ผู้ชายทำไม่ได้ ก็จะมาควบคู่กันเสมอ แต่กาลเวลาเปลี่ยนทำให้อะไรดูเปลี่ยนจากที่เคยทำไม่ได้ก็กลายเป็นทำได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ความเพียรพยายามและความอดทน มันเป็นของคู่กัน น้ำต้องพึ่งเรือ เสือต้องพึ่งป่า ก็เหมือน ชายต้องพึ่งหญิง หญิงต้องพึ่งชาย มันขาดกันไม่ได้ แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนกัน สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครเป็นช้างเท้าหน้าถูกเสมอ มันก็อาจจะย่อมมีผิดมีถูกเหมือนกัน มันอยู่ที่การกระทำสิ่งๆ นั้นว่าถูกต้องและเหมาะสมหรือเปล่าแค่นั้น เพราะปัจจุบันนี้ผู้หญิงก็มีความสามารถไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน บางคนอาจจะมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ 555+

    ตอบลบ
  14. จากสำนวนตัวอย่างที่ว่านั้นผมคิดว่าในสมัยก่อนสำนวนนี้ใช้ได้ตามที่สำนวนเขาพูดกัน เนี่องจากในอดีดส่วนใหญ่ผู้ชายจะเป็นคนไปทำงานหาเงินมาใช้ในครอบครัว และเป็นเสาหลักในครอบครัวในสมัยก่อนแล้วผู้หญิงจะอยู่แต่บ้านดูแลลูกๆๆ จึงทำให้กับสำนวนที่พูดข้างบน แต่ในสมัยปัจจุบันนี้ผมคิดว่าสำนวนที่พูด “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” นั้นได้เปลี่ยนไปแล้วตามกาลเวลา เพราะในสมัยนี้ผู้หญิงบางคนก็มีความสามารถเท่าๆ กับผู้ชายหรือมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ดังนั้นสำนวนที่พูดว่า “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” ไม่ใช่อีกต่อไปคับ

    ตอบลบ
  15. จากสำนวนนี้ผมคิดว่าในอดีตกาลนั้นน่าจะใช้ได้ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นส่วนใหญผู้ชายจะเป็นเสาหลักในการดำรงชีพในครอบครัว เช่น ออกไปทำงานนอกบ้าน และหาเลี้ยงครอบครัวแล้วผูหญิงทำงานอยุ่แต่ในบ้านและเลี้ยงลูก จึงทำให้เป็นที่มาของสำนวน “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” แต่ในปัจจุบันสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิมหรือเทียบเท่ากับผู้ชายในปัจจุบัน ผมจึงคิดว่าสำนวนที่ว่า “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง” ได้เปลี่ยนไปแล้วและใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ในปัจจุบันคับ

    ตอบลบ
  16. ปัจจุบัน หากผู้ชายเป็นชายเท้าหน้า (อาจจะพูดกันต่อไปว่าผู้หญิงเป็นควานช้าง) แต่ไม่ว่าผู้ชาย หรือผู้หญิงไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เนื่องจากทั้งสองเพศย่อมมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน อยู่ที่ว่าใครจะรู้หน้าที่ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเท่าเอง สามีและภรรยาต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันจึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเป็นช้างเท้าหลังอีกต่อไป งานใดที่ผู้ชายทำได้ในปัจจุบันนี้ผู้หญิงก็ทำได้ ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจหญิง ทหารหญิง กำนันหญิง สส.หญิง ซึ่งในปัจจุบันมีการยอมรับเพศหญิงมากขึ้น เพศหญิงมิใช่เพศที่อ่อนแอ และมิใช่ช้างเท้าหลังอีกต่อไป

    ตอบลบ
  17. “ ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง ” สำนวนนี้พูดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก่อนผู้ชายคือช้างเท้าหน้าจริงๆ แต่สมัยนี้ผู้หญิงก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นช้างเท้าหน้าเหมือนกัน เช่น ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา การทำงานที่มีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย ส่วนความเป็นจริงที่พูดกันว่าผู้ชายเป็นผู้ที่กล้าหาญแข็งแรงกว่าผู้หญิง ซึ่งไม่เสมอไปเพราะปัจจุบันนี้ผู้หญิงเก่งๆ มีเยอะมาก มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น เช่น ผู้หญิงก็เป็น สส. สจ. ได้

    ตอบลบ
  18. หากเปรียบสำนวนไทยนี้กับยุคปัจจุบัน คิดว่าคงใช้ไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ผู้หญิงกับผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องการงาน การเรียน รวมไปถึงเรื่องใหญ่อย่างเช่นเรื่องของการเมือง มีผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทก็มาก แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องชีวิตคู่ของผู้หญิงกับผู้ชาย ก็จะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ คือเรื่องในครอบครัว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงแต่ดิฉันเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับช้าง ในหนังสือบอกไว้ว่า เท้าหลังจะเดินก่อนเท้าหน้าเสมอ..

    ตอบลบ
  19. ดิฉันคิดว่าไม่ว่าเท้าหน้าหรือเท้าหลังก็สำคัญด้วยกันหมดค่ะ
    เพราะจะขาดอันใดอันหนึ่งไปไม่ได้ ก็เหมือนกับผู้หญิงผู้ชายแหละ
    ของเขาสร้างมาด้วยกันไม่มีใครด้อยกว่ากันทุกคนมีดีไม่เหมือนกัน
    ต่างคนต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน เสมอภาคทั้งหมด

    ตอบลบ
  20. บทความนี้ใช้ได้ในอดีตเท่านั้น เพราะปัจจุบันหญิงชายมีสิทธิเท่าเทียมกันเนื่องจากในอดีตชายเป็นฝ่ายทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หญิงอยู่บ้านทำงานบ้านเลี้ยงลูก ทำอาหาร แต่ปัจจุบันผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านหาเลี้ยงครอบครัวเหมือนกัน กลับมาจากที่ทำงานก็ต้องทำอาหารให้คนในครอบครัวทาน เลี้ยงลูก วันหยุดก็ต้องทำงานบ้านอีก ยิ่งกว่านั้นบ้างครอบครัวผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านส่วนผู้ชายอยู่บ้านเลี้ยงลูก จึงทำให้ดิฉันคิดว่าหญิงชายเท่าเทียมกันค่ะ จะแพ้ก็ตอนใช้กำลังใช้แรงงานเท่านั้นค่ะ....

    ตอบลบ
  21. ในปัจจุบันไม่เหมือนสมัยก่อนที่ผู้ชายจะต้องเป็นผู้นำในทุกด้านในครอบครัวแต่ในปัจจุบันทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเพราะในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปมากที่ว่าผู้หญิงต้องอยู่กับบ้านต้องทำงานบ้านในสมัยนี้เป็นไปไม่ได้เนื่องจากในปัจจุบันนี้ผู้ชายก็ทำได้อย่างผู้หญิงและอาจจะแบ่งเบาภาระของผู้หญิงได้ผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้เนื่องจากสมัยนี้ผู้หญิงมีความสามารถกว่าผู้ชายตั้งหลายอย่างไม่จำเป็นที่ผู้ชายจะต้องเป็นผู้นำเสมอไปคือในสมัยก่อนผู้สูงอายุเขาเคารพประเพณีไทยที่มาแต่อดีตในเรื่องที่ว่าผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงต้องเป็นช้างเท้าหลังส่วนในสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เสมอไป
    ดังนั้นผู้ชายกับผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกันผู้หญิงก็มีสิทธิ์เป็นผู้นำได้พราะผู้หญิงมีความรู้ความสามารถไม่น้อยไปกว่าผู้ชายเลยและผู้ชายสมัยนี้จะติดการพนัน ติดเหล้ามากกว่าจะมาสนใจครอบครัวอีกหรือหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับผิดชอบเหตุนี้ผู้หญิงจึงมีบทบาทขึ้นมามากในปัจจุบันนี้

    ตอบลบ
  22. ในสังคมไทยนั้น ผู้ชายต้องเป็นผู้นำและผู้หญิงต้องเป็นผู้ตามเนื่องจากเท่าที่สังเกตดูสังคมไทยมาหลายสิบปี ในครอบครัวคนไทยนั้นมิได้เป็นอย่างที่ว่ากันเลย เพราะว่าผู้ชายไทยส่วนใหญ่มักให้ผู้หญิงเป็นผู้นำในครอบครัวทั้งนั้น แบบว่าผู้ชายไทยนั้นกลัวเมียทุกคนก็ว่าได้ดังนั้น เรื่องผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ความหมายคือ ผู้หญิงต่างหากที่เป็นผู้นำโดยผู้ชายเป็นผู้ตาม

    ตอบลบ
  23. ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นคำสุภาษิต ที่บอกถึงว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำและผู้หญิงต้องเป็นผู้ตาม ผู้ชายถือเป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นเสาหลักของบ้าน ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ผู้หญิงก็เป็นแม่บ้านทำงานบ้าน เลี้ยงลูก
    แต่ในสมัยนี้สังคมเปลี่ยนไปค่ะ ด้วยปัจจัยต่างๆ ต้องทำให้ผู้หญิงนั้นมีบทบาทในสังคมมากขึ้น ออกทำงานนอกบ้าน มีอะไรช่วยกันคิดช่วยกันทำ มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เสมอภาคกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะลืม คำสุภาษิตนี้ไป เพราะอย่างน้อยก็เตือนผู้หญิงถึงการเป็นภรรยาที่ดี แต่อาจจะเปลี่ยนเป็นช้างเท้าหลังที่จะต้องก้าวเดินไปกับพร้อม ๆ กับช้างเท้าหน้าด้วยค่ะ เพราะต้องคอยพยุงช้างเท้าหน้าไม่ให้เซ หรือ เดินผิดทางอีกต่างหากค่ะ ◕‿-。

    ตอบลบ
  24. ในสมัยก่อนอาจจะใช้ได้กับสำนวนไทยที่ว่า ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง แต่ในปัจจุบันถ้าทุกคนสังเกตจะพบเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีบทบาทที่มากกว่าผู้ชาย เพราะเดียวนี้ หญิงกับชาย มีสิทธิหน้าที่เท่าเทียมกัน ผู้หญิงอาจจะมีบทบาทที่สำคัญกว่าผู้ชายในบางหน้าที่และเวลาที่เหมาะสม ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า สำนวนไทยนี้ อาจใช้ได้เฉพาะกลุ่มคนบางกลุ่มเป็นส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่กลุ่มคนส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้เลย เพราะทีกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงด้วยกันทั้งนั้น

    ตอบลบ
  25. ในสำนวรดังกลาว ณ ปัจจุบันคงใช้ไม่ได้เพราะผู้หญิงมิได้อยู่แต่ ในบ้านเหมือนสมันก่อนผู้หญิงต้องออกทำงานเหมือนกันกับผู้ชาย ผู้ชายไม่ต้องเป็นผู้นำเสมอไป แต่ผู้หญิงในปัจจุบันนี้เท่าทันผู้ชายหมดบางคนเก่งกว่าผู้ชายอีก แต่ในฐานะที่เป็นหญิงก็ควรให้เกรียจผู้ชายบ้าง และไม่มีเท้าหน้าหรือหลังแต่ทั้งผู้หญิงผู้ชายต้องเดินไปพร้อมๆกันดีที่สุด

    ตอบลบ
  26. จากสำนวนที่กล่าวมาในปัจจุบันนี้คงไม่มีแล้ว เพราะผู้หญิงทุกวันนี้ไม่ได้เดินตามหลังผู้ชายเสมอไปขึ้นอยู่แต่ละสถานะการณ์ว่าเป็นอย่างไรผู้หญิงบางคนเก่ง มีความสามารถ และเป็นผู้นำ มากกว่าผู้ชายอีก และปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วที่จะมีผู้หญิงอยู่บ้านเป็นแม่ศรีเรือน คอยเอาใจสามีและลูกแต่กลับกันผู้หญิงต้องทำงานอย่างแข่งขันเท่าๆกับผู้ชาย เข้าบ้านออกบ้านพร้อมกันหมดทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด**

    ตอบลบ
  27. คำที่กล่าวว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ดิฉันเห็นว่าในสมัยปัจจุบันนี้คำที่กล่าวไว้อาจจะใช้ได้ในบ้างโอกาส เพราะสมัยปัจจุบันนี้ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชายแล้ว ผู้หญิงสามารถที่จะทำอะไรต่างๆได้เท่าเที่ยมกับผู้ชายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานนอกบ้านเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและดิฉันคิดว่าผู้หญิงบางคนอาจจะทำได้ดีกว่าผู้ชายเสียอีกเพราะผู้หญิงสามารถทำงานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แต่ยังไงเสียผู้หญิงก็เป็นเพศที่อ่อนแอกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจะต้องการการปกป้องและการดูแลจากผู้ชายเหมือนกัน และคำที่กว่าวว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า และผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ก็ยังใช้ได้ในบางกรณ้เท่านั้น ผู้ชาย ผู้หญิงสมัยนี้มีความเสมอภาคกันแล้วไม่มีใครที่จะแบ่งแยกกันแล้ว

    ตอบลบ
  28. สำนวนที่กล่าวมาข้างต้นคงใช้กับผู้หญิงในสมัยนี้ไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันสภาวะแวดล้อม และสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในสังคมมากขึ้น อีกทั้งมีความสามารถในด้านต่างๆเท่าเทียมกับผู้ชาย ในบางครั้งก็อาจจะมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเกิดเป็นหญิงหรือชายทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน เพียงแค่ให้เกียรติซึ่งกันและกันในการอยู่ร่วมสังคมเดียวกัน

    ตอบลบ
  29. ยังคงใช้ได้อยู่เช่นกัน เพราะผู้ชายจริงๆแล้วเปนเพศที่มีความแข็งแรงกว่า
    แต่อาจไม่ทุกคนเสมอไปเพราะสมัยนี้ผู้หญิงที่แข็งแรงๆก็มีเยอะแยะไป
    เพียงแต่ถ้าหากผู้หญิงให้ความให้เกียรติแก่ผู้ชายเปนหัวหน้าครอบครัวก็จะทำให้ครอบครัวนั้นมีความสุข ผู้หญิงต้องเปนคนดูแลเรือ่งงานบ้านงานเรือน ผู้ชายถึงจะอยู่มีความสุขไม่คิดไปมีเล็กมีน้อยนอกบ้าน แต่อีกความคิดนึงก็คือว่า ผู้หญิงสมัยนี้มีความเก่งและเลี้ยงดูตัวเองได้ดีกว่าผู้ชาย ออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้นจนทำให้ไม่ต้องง้อผู้ชาย นั่นเปนเหตทำให้ครอบครัวหลายๆครอบครัวแตกแยกมาแล้ว เพราะฉะนั้นผู้หญิงก็ควรตามและให้เกรียติผู้ชายบ้างเพื่อรักษาความเปนครอบครัวและประเพณีไว้

    ตอบลบ
  30. เรื่องของชายหรือหญิงใครกันแน่ที่จะเป็นช้างเท้าหน้าหรือช้างเท้าหลังสำหรับตัวเองคิดว่า ถ้าเราจะสังเกตเห็นอิริยาบถของช้างในการเคลื่อนไหวที่มีทั้งความเร็ว ความหนักแน่น แต่ดูมีความอ่อนโยนน่ามองก็จะเห็นการประสานสัมพันธ์ของเท้าช้างเป็นอย่างดีว่ามีการสลับหน้าที่กันอย่างเหมาะสมจะเชื่อมโยงไปด้วยกันจึงอยากให้เราละความรู้สึกว่าฉันต้องเป็นช้างเท้าหน้า เธอต้องเป็นช้างเท้าหลังเสียดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วมันไม่มีหน้ามีหลัง มันเป็นเรื่องที่ต้องการเอาชนะกันมากกว่าค่ะ...

    ตอบลบ
  31. ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นสำนวนแต่ก่อน ที่สามีชี้ซ้าย ภรรยาไปซ้าย ชี้ขวา ไปขวา หรือในมุมมองผู้ชายเป็นผู้นำในทุกๆเรื่อง แต่ในตอนนี้คงจะใช้สำนวนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะสิทธิและหน้าที่ของผู้หญิงและผู้ชายก็เท่าเทียมกันเกือบจะทุกเรื่องแล้ว ไม่มีผู้ชาย ผู้หญิงก็อยู่ได้ ไม่มีผู้ชาย ผู้หญิงก็อยู่ได้ จากตัวอย่างการแยกครอบครัวของสามีและภรรยา แต่ในที่สุดแล้วคนทุกคนจะอยู่คนเดียวในสังคมไม่ได้ ต้องพึ่งพาอาศัยกันทุกคน

    ตอบลบ
  32. สำนวนนี้คงไม่มีผลกับสถานการณ์ในปัจจุบันสักเท่าไหร่เพราะหญิงไทยในปัจจุบันมีความสามารถมากพอที่จะให้ผู้ชายต้องมาดูแลและหาเงินให้ทั้งที่ผู้หญิงอาจจะทำได้ดีกว่าในหน้าที่การงาน แต่ในความคิดของดิฉันคิดว่าผู้หญิงก็ต้องพึ่งพาผู้ชายเพราะในบางเรื่องผู้หญิงก็อาจจะทำไม่ได้ก็ควรต้องพึ่งผู้ชายอยู่ดี แต่อยากให้ชายและหญิงมีความเท่าเทียมกันมากกว่าคำว่าผู้นำ

    ตอบลบ
  33. ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง จากสำนวนที่กล่าวมาในปัจจุบันนี้คงไม่มีแล้ว เพราะปัจจุบันนี้สิทธิของผู้ชายและผู้หญิงเท่าเทียมกัน
    เพราะผู้หญิงก็สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้เหมือนกับผู้ชาย โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชายสักเท่าไหร่ สิทธิตอนนี้ผู้หญิงก็เหมือนผู้ชาย

    ตอบลบ
  34. ดิฉันคิดว่าในยุคปัจจุบันสถานภาพทางสังคมระหว่างผู้หยิงกับผู้ชายนั้นเท่าเทียมกัน เนื่องจากปัจจุบันทุกคนสามารถเข้ารับการศึกามีความรุ้ความสามารถและสามารถประกอบอาชีพได้ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนมากที่ผุ้หยิงต้องทำงานอยู่กัยบ้านผู้ชายไปเรียนหนังสือที่วัดแทงานนอกบ้าน แต่สมัยนี้โลกและสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งผุ้หญิงบางคนยังมีความรู้ความสามารถมากกว่าผุ้ชายหลายต่อหลายมากนัก และผุ้หยิงยังมีบทบาทในการตัดสินใจหรืออำนาจการตัดสินใจภายในครอบครัวมากกว่าผุ้ชาย

    ตอบลบ
  35. ไม่เห็นด้วยเนื่องจากสมัยนี้ผู้หญิงและผู้ชายเท่าเทียมกันหมด

    ตอบลบ